เลือกเก็บ 7 หุ้นเด็ด หุ้นพลังงานถ่วง SET อ่อนตัว

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ หุ้นในกลุ่มพลังงานจะเป็นตัวกดดันตลาดหลังราคาน้ำมันดิบร่วงแรง ขณะที่ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มงบไตรมาส 4/59 ออกมาดีเป็นหลัก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.25 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.65 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง โดยได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงเกือบ 4% หลังสหรัฐเพิ่มการขุดเจาะและผลิตน้ำมัน ซึ่งก่อให้เกิดความวิตกกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในการปรับลดกำลังการผลิต

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ หุ้นในกลุ่มพลังงานจะเป็นตัวกดดันตลาดหลังราคาน้ำมันดิบร่วงแรง ขณะที่ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ การลงทุนเน้นกลุ่มที่แนวโน้มงบไตรมาส 4/59 ออกมาดีเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก SUSCO-WHA-IRPC-FN-ASEFA-SAT และ BCH

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ม.ค.) ว่า แม้ Momentum หุ้นส่วนใหญ่ตาม Trade Code ยังอยู่ในโซน “บวก” สูง 79% ของ Market Cap แต่ราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ปรับลดลง 3.8% เมื่อคืนนี้จากจำนวน Rig ผลิตน้ำมันสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องระวังความ “ผันผวน” มากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ SET ปรับลดลงต่ำกว่า Trailing Stop ที่ 1,552 จุด สำหรับภาพระยะสัปดาห์มอง Reward to Risk ของตลาดในปัจจุบันไม่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาทางพื้นฐาน, เทคนิค หรืออิงกรอบเคลื่อนไหวของ SET ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

Momentum ตลาดอ่อนแอลง ต้อง “ระวัง” มากขึ้นโดยเฉพาะในกรณีที่ SET ปรับลดลงต่ำกว่า 1,552 จุดลงมา ขณะที่ยัง “Selective” 1) “ซื้อ” SUSCO ต่อจากเมื่อวาน ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 5 บาท แม้ราคาปรบขึ้นแรง แต่ PE ยังต่ำที่ 13 เท่า มองเป็นทั้ง Value และ Growth Play

2) กำไรไตรมาส 4/16 เติบโตแกร่ง : “ซื้อ” WHA รับรู้กำไรจากขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT และมีปัจจัยบวกจากการนำธุรกิจไฟฟ้า IPO ในไตรมาส 1/17, IRPC รับรู้ผลบวกจากการ upgrade โรงกลั่นเต็มไตรมาส

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ม.ค.) ว่า ปัจจัยลบที่เริ่มเข้าสู่ตลาด ขณะที่ปัจจัยบวกยังไม่มี ทำให้วันนี้มีโอกาสที่ SET จะปรับตัวลงต่อ โดยกลุ่มพลังงานจะเป็นตัวกดดันตลาด เนื่องจากมี Sentiment เชิงลบจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงเพราะนักลงทุนยังวิตกกังวลต่อปัญหา Over Supply หลังจากสหรัฐทำการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสะท้อนผ่านจำนวนแท่นขุดเจาะที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและคาดว่าอาจจะเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัวในช่วงปลายปีนี้ หุ้นในกลุ่มธนาคารจะยังพักตัวเนื่องจากนักลงทุนจะรอดูการประกาศผลประกอบการของ TISCO ในวันพรุ่งนี้ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มของผลประกอบการของธนาคารอื่นๆที่จะทยอยประกาศงบกันออกมาในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BCH (ซื้อ/เป้าใหม่ 17.00 บาท) เก็งกำไรกองทุนประกันสังคมเพิ่มค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้รักษาพยาบาลเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดย BCH ได้ประโยขน์มากสุดเนื่องจากมีฐานลูกค้ากลุ่มประกันสังคมมากที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล

 

บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ม.ค.) คาด SET วันอังคารปรับลงต่อ กองทุนพลิกมาขาย และปัจจัยภายนอกอ่อนลง (วานนี้ดัชนีฯ แกว่งลงแรงกว่าคาดเล็กน้อย) โดยมองว่ามูลค่าหุ้นที่ตึงตัวในภาพรวม และแรงไถ่ถอน LTF น่าจะส่งผลให้กองทุนอยู่ในฝั่งขายในสัปดาห์นี้ ด้านปัจจัยภายนอก ราคาน้ำมันลดลงค่อนข้างแรง หลังรายงานแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สิบติดต่อกัน และตลาดได้รับรู้ประเด็นการลดปริมาณผลิตของโอเปกไปแล้ว ขณะที่ในฝั่งยุโรป นายกฯ อังกฤษ แถลงเตรียมเดินหน้าออกจากสหภาพยุโรป น่าจะเป็นจิตวิทยาเชิงลบเล็กน้อย (มองว่าเรื่องนี้อีกนานกว่าจะได้ข้อสรุป)

อย่างไรก็ตาม ฟันด์โฟลว์ยังอยู่ในเกณฑ์ดี และจะจำกัดทางลงของดัชนีฯ ในช่วงนี้ยังเน้นธีมหุ้นที่งบไตรมาส 4/59 โดดเด่น และหุ้นเชื่อมโยงค่าเงินบาทที่อ่อนลง เป็นสำคัญ ทั้งนี้ในช่วงรับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสที่ค่าเงินดอลล่าร์ฯ จะแข็งขึ้นได้อีก (เงินบาทอาจอ่อนลง)

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน FN (เป้าพื้นฐาน 10.00 บาท), ASEFA (เป้า Consensus 8.90 บาท), SAT (เป้า Consensus 16.50 บาท)

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ม.ค.) ทิศทางการซื้อขายเช้านี้คาดตลาดมีโอกาสชะลอตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และยังรอถ้อยแถลงของนายทรัมป์ก่อนเข้ารับตำแหน่งในวันพรุ่งนี้ กลยุทธการลงทุน ประเมินแนวรับ 1,550 – 1,560 จุด กรณียืนได้ทิศทางดัชนียังคงอยู่ในลักษณะ Sideway Up โดยมีแนวต้านที่ 1,575 – 1,600 จุด

Back to top button