บลจ.ทิสโก้ เปิดขายทริกเกอร์ฟันด์ 18-24 ม.ค.นี้ตั้งเป้าเลิกโครงการที่ 10.50 บ./หน่วย ใน 5 เดือน

บลจ.ทิสโก้ เปิดขายทริกเกอร์ฟันด์ ขาย 18-24 ม.ค.นี้ ตั้งเป้าเลิกโครงการที่ 10.50 บ./หน่วย ใน 5 เดือน


นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทิสโก้ จำกัด หรือ บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า บลจ.ยังคงมุ่งมั่นเสนอกองทุนรวมที่มีความหลากหลายและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มองว่าตลาดหุ้นอินเดียมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการจับจังหวะลงทุน จึงตัดสินใจออก “กองทุนเปิด ทิสโก้ อินเดีย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#2” (TISCO India Equity Trigger 5M Fund 2: TINT5M2) ทริกเกอร์ฟันด์เพื่อลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย มีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 10.50 บาท/หน่วย ภายในเวลา 5 เดือน

โดยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ แต่หากกองทุนไม่ถึงเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด จะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการโดยที่เป้าหมายยังดำเนินต่อไป ซึ่งการกำหนดเป้าหมายดังกล่าวไม่ใช่ประมาณการหรือการรับประกันผลตอบแทนเมื่อเลิกกองทุนและเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เสนอขายครั้งแรก (IPO) 18-24 ม.ค.นี้

นายสาห์รัช กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานของ กองทุนเปิด ทิสโก้ อินเดีย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#1 (TINT5M1) ที่เปิดไปก่อนหน้านี้ จากข้อมูลจาก บลจ. ทิสโก้ เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า NAV ของกองทุนดังกล่าวเติบโตขึ้นเป็น 10.3025 บาท/หน่วยแล้ว จากมูลค่าที่ตราไว้ 10.0000 บาท/หน่วย ในระยะเวลาไม่ถึง 1 เดือน (TINT5M1 จดทะเบียนเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 59) ซึ่งผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต”

แต่ตลาดหุ้นอินเดียยังน่าสนใจลงทุน เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีเศรษฐกิจเติบโตสูงถึงประมาณ 7% อีกทั้งรัฐบาลยังมีแผนปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อเปิดประเทศให้ธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น และยังมีโอกาสที่ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) จะปรับลดดอกเบี้ยลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกด้วย จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในอินเดีย ถึงแม้ล่าสุด มาตรการยกเลิกการใช้ธนบัตร 500 และ 1,000 รูปี จะกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ แต่เชื่อว่าผลกระทบดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นๆ และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว”นายสาห์รัชกล่าว

ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ อินเดีย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#2” จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน iShares MSCI India ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ BATS ในสหรัฐอเมริกาเป็นกองทุนหลัก กองทุนจึงอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม

Back to top button