KTC มั่นใจปี 60 กำไรโตไม่ต่ำกว่า 10% หวังยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโตกว่า 15%

KTC มั่นใจปี 60 กำไรโตไม่ต่ำกว่า 10% หวังยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโตกว่า 15%


นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ในปี 60 บริษัทได้วางเป้าหมายการเติบโตด้วยแผนการขยายตัวของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมไม่ต่ำกว่า 15% พอร์ตลูกหนี้ขยายตัวประมาณ 10% และจะรักษา NPL ให้อยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 2,495 ล้านบาท

ทั้งนี้ KTC เล็งเห็นสภาพการแข่งขันในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่เข้มข้นต่อเนื่อง จึงไม่หยุดนิ่งและมีนโยบายพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้แตกต่างหลากหลายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยรูปแบบและกิจกรรมการตลาดจะปรากฏชัดเจนในทุกมิติ โดยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 60 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นขยายฐานสมาชิกบัตรเครดิตในกลุ่มที่มีศักยภาพสูง ทั้งกลุ่มลูกค้าระดับบน (Upper) และกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Young Generation) ที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ชัดเจน พร้อมตอบสนองความต้องการสมาชิกในรูปแบบที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น เน้นสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายและครอบคลุมความต้องการของสมาชิกบัตร

ในแง่ของธุรกิจร้านค้าจะมุ่งเป้าหมายไปที่ธุรกิจประเภทใหม่ๆ ธุรกิจออนไลน์ โดยนำเสนอบริการ”เคทีซี เพย์”เพื่อสนองธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ และเอ็มคอมเมิร์ซ และขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัด รวมทั้งพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์สินเชื่อพร้อมใช้ “เคทีซี พราว” เพื่อสร้างประสบการณ์ออนไลน์ มุ่งขยายฐานสมาชิกใหม่และสร้างความผูกพันกับสมาชิกในระยะยาว          

นายระเฑียร กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 60 มีแนวโน้มจะขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ภาวะการเงินที่เริ่มผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลให้การใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนมีแนวโน้มฟื้นตัว สำหรับอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในภาพรวมเติบโตในลักษณะชะลอตัวลงจากปีก่อน แต่ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีรายได้สูง และกลุ่มลูกค้า Gen Y ที่เพิ่งเริ่มมีบัตรเครดิต

“KTC ยังคงขยายตัวต่อเนื่องในทุกมิติ ทั้งธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล โดยมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมที่ 12.9% เพิ่มขึ้นจาก 12.3% ในปี 58 ส่วนแบ่งการตลาดในด้านมูลค่าของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรในปี 59 ที่ 11.1% เติบโตจากปีที่ผ่านมา 10.5% และมีสัดส่วนของลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเคทีซีเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 6.5% เพิ่มขึ้นจาก 5.7% ในปีที่ผ่านมา”นายระเฑียร กล่าว

ในปี 59 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,495 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปี 58 เป็นผลจากรายได้ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ความสามารถในการบริหารต้นทุนการเงินให้ต่ำอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อรายได้รวมคงที่ ตลอดจนการรักษาประสิทธิภาพในการติดตามหนี้และการบริหารควบคุมคุณภาพพอร์ตลูกหนี้

ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทฯ ขยายตัวสูงกว่าอุตสาหกรรมในทุกไตรมาสของปี 59 โดยมีมูลค่าใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งปีที่ 164,991 ล้านบาท เติบโต 13.2% สูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งเท่ากับ 6.8% บริษัทมีปริมาณซื้อขายผ่านร้านค้ามูลค่า 61,340 ล้านบาท เติบโตที่ 22.2% ฐานจำนวนร้านค้าเพิ่มขึ้น 29.2% เป็น 29,764 ร้านค้า จากโครงการร่วมขยายร้านค้าและติดตั้งเครื่องรูดบัตร โครงการขยายร้านค้าออนไลน์ โครงการรับชำระเงินผ่านระบบ Virtual Terminal และโครงการขยายร้านค้าอาลีเพย์

ณ วันที่ 31 ธ.ค.59 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 68,297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปี 58 ที่ 60,179 ล้านบาท โดยพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 63,303 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 2.9 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 10.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นบัตรเครดิต 2,095,563 บัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 42,988 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 818,068 บัญชี ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลสุทธิ 20,154 ล้านบาท ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ลดเหลือ 1.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 2.1% NPL บัตรเครดิตลดเหลือ 1.2% จาก 1.3% และ NPL สินเชื่อบุคคลลดเหลือ 0.9% จาก 1%

บริษัทมีรายได้รวมปี 59 เท่ากับ 17,580 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มูลค่า 15,559 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ย (รวมรายได้ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) เพิ่ม 12% รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่ม 13% และรายได้หนี้สูญได้รับคืนเพิ่ม 18% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin) เพิ่มขึ้นจาก 14.5% เป็น 15.1% จากการที่บริษัทฯ สามารถจัดหาต้นทุนเงินที่ต่ำลง สัดส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) เท่ากับ 39.3% อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ในขณะที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ (Operating Cost to Income Ratio) เท่ากับ 28.5% ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สิ้นปี 59 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) 26,190 ล้านบาท เป็นวงเงินของธนาคารกรุงไทย 18,030 ล้านบาท และจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 8,160 ล้านบาท โดยมีต้นทุนการเงิน ณ สิ้นปี 59 อยู่ที่ 3.08% ลดลงจาก 3.74% เนื่องจากบริษัทออกหุ้นกู้ใหม่ชดเชยหุ้นกู้ที่ครบกำหนดอายุด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ประกอบกับ การคงอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับของอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ “A+” สะท้อนภาพฐานะการเงินที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง และเป็นผลให้ต้นทุนการเงินของบริษัทฯ ยังคงระดับอยู่ได้ในระดับต่ำ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.62 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า

Back to top button