กระเพื่อมตามกระแสข่าวขี่พายุ ทะลุฟ้า

ตกใจหมดเลยกับข่าวร้ายถล่มหุ้นบมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT และหุ้นบริษัทพลังงานทดแทนที่ใช้พื้นที่ส.ป.ก.ติดตั้งกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า


ชาญชัย สงวนวงศ์
 

ตกใจหมดเลยกับข่าวร้ายถล่มหุ้นบมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT และหุ้นบริษัทพลังงานทดแทนที่ใช้พื้นที่ส.ป.ก.ติดตั้งกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า

พอมีข่าวร้ายถล่ม ราคาหุ้นที่รับผลกระทบก็แกว่งไหวโอนเอน หุ้นตัวไหนที่มีมาร์เก็ตแคปต่ำก็ค่อยยังชั่วหน่อยที่ไม่มีน้ำหนักพอจะถล่มตลาด

แต่อย่างหุ้น AOT ซึ่งมีมาร์เก็ตแคป 5.5 แสนล้านบาท คิดเป็น 3.6% ของตลาดนี่สิ ข่าวคราวที่เข้ามากระทบไม่ว่าดีว่าร้าย ต่างก็ส่งผลกระทบต่อตลาดมาก

เพราะ 1 ช่วงราคาของ AOT คือ 50 สตางค์ จะส่งผลต่อดัชนีตลาดบวก/ลบในราว 0.7 จุด

หุ้นพลังงานทดแทน ตัวที่ใหญ่ที่สุดก็คือบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA มีมูลค่าตลาดในราว 9.7 หมื่นล้านบาท เคยทะลุ 1 แสนล้านบาทไปแล้วด้วยซ้ำตอนราคา 29-30 บาท

แต่พอมาเจอกระแสข่าวศาลปกครองสูงสุด เพิกถอนมติของคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจ.ชัยภูมิที่อนุญาตให้บริษัท เทพสถิต วินด์ฟาร์มเช่าใช้พื้นที่ส.ป.ก.สร้างกังหันลมผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.เป็นต้นมา ราคาหุ้นก็เซถลาลงมาไม่เป็นท่า

จากราคา 29-30 บาท หล่นมาอยู่ที่ 25 บาทอย่างช่วยไม่ได้

ธรรมชาติตลาดหุ้นก็เป็นอย่างนี้  เวลาข่าวร้ายมาที อารมณ์ตลาดก็มองอะไรเลวร้ายไปหมด คำสั่งศาลปกครองเหมือนกับจะห้ามทำกิจการการพลังงานบนที่ดินส.ป.ก.ที่อนุญาติให้ทำแต่เฉพาะกิจการทางเกษตรก็จริง

แต่เมื่อพลิกกระแสฝุ่นตลบของข่าวสารข้อมูลดูแล้ว ก็จะเห็นได้ว่ากฎหมายยังเปิดช่องให้ทำ “กิจการอื่น” ได้ แต่จะต้องมีส่วนสนับสนุนเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของเกษตรกรในด้านเศรษฐกิจและสังคม

กฎหมายยังกำหนดอัตราค่าเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ส.ป.ก.ไว้ด้วยในอัตรา 35,000 บาทต่อไร่ต่อปี

ฉะนั้น กฎหมายไม่ได้ปิดประตูตายเสียทีเดียวว่าต้องทำเฉพาะกิจการทางการเกษตรเท่านั้น แต่ต้องเข้าเงื่อนไขสนับสนุนชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร

กรณีเทพสถิต วินด์ฟาร์มอาจเป็นกรณีเฉพาะก็ได้ เพราะเป็นเพียงที่ตั้งวัดลมของบริษัทเอกชน ไม่ได้มีสัญญาซื้อขายไฟและไม่ได้มีการผลิตไฟฟ้า จึงไม่มีเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้า

นอกจากนี้ก็ใช่ว่าพื้นที่ตั้งกังหันลมจะไม่สามารถเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ควบคู่กันไปได้ ฉะนั้น ถ้ากังหันลมผลิตไฟฟ้าใด มีส่วนสนับสนุนชีวิตความเป็นอยู่เกษตรกร ก็น่าจะเข้าข่ายได้รับการคุ้มครองให้ทำได้

โรงไฟฟ้ากังหันลมที่ลงทุนไปแล้วประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาทก็คงไม่ได้รับผลกระทบอะไร

หุ้นบมจ.กันกุล ออกตัวก่อนว่าไม่มีพื้นที่ตั้งบนสปก.ก็รอดตัวไป ส่วนหุ้นบมจ.เด็มโก้ และ EA ก็ทรุดไปตามระเบียบ แต่พอฝุ่นตลบคลี่คลายก็รีบาวด์กลับขึ้นมาได้บ้าง

สำหรับหุ้น AOT นี่ล่ะ เป็นกรณีคลาสสิกมากๆ เลย

สตง.หมายเหตุงบการเงิน AOT ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาว่า AOT ยังมีภาระจะต้องจ่ายค่าเช่าที่สนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มในอัตราใหม่ที่กรมธนารักษ์กำหนด

เป็นการเพิ่มที่มากมายเสียด้วย จากอัตราค่าเช่า 1,500 ล้านบาท/ปี ดันจะเก็บเพิ่มเป็น 1,600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังจะมีการเก็บย้อนหลังอีก 4 ปีเป็นจำนวนเงินประมาณ 22,000 ล้านบาท

แต่สตง.ก็ยังหมายเหตุตอนท้ายว่า “อย่างไรก็ดีกรมธนารักษ์ยังจะต้องไปตกลงเจรจาหารืออีกทีกับบริษัทท่าอากาศยานไทย”

นักวิเคราะห์โบรกเกอร์ก็หยิบเอาหมายเหตุงบการเงินไปวิเคราะห์โดยไม่เอาท่อนท้ายที่จะต้องมีขั้นตอนการหารือไปวิเคราะห์ด้วย

เท่านั้นแหละ ป่าช้าแตก!

ราคาหุ้น AOT ซึ่งควรจะขึ้นรับพาร์ใหม่กลับร่วงผล็อยเป็นนกปีกหัก วันเดียวราคาร่วงไป 2.25 บาท หุ้นถูกถล่มหนัก มูลค่าซื้อขายหนาแน่นเป็นอันดับ 1 ถึง 1.1 หมื่นล้านบาท ตั้ง 16% ของตลาดแน่ะ

ต้องขอบคุณคุณประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีสรรพากรและประธานบอร์ด AOT ที่รีบออกมาชี้แจงความเป็นจริงโดยไม่รอช้า กระตือรือร้นยิ่งเสียกว่านิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่อีก

คำชี้แจงสั้นแต่กระชับความก็คือ ได้หารือกันสองฝ่ายแล้ว ให้ยังคงค่าเช่าอัตราเดิมไปก่อน และหากจะมีการปรับอัตราใหม่ก็คงไม่เพิ่มเกิน 100 ล้านบาท/ปี

คำสัมภาษณ์ประธานประสงค์เข้าสู่ตลาดช่วงท้ายตลาด แต่ก็ยังดีที่ราคาหุ้น AOT เด้งปุ๊บขึ้นมาทันที และก็ส่งถ่ายน้ำหนักให้ตลาดหุ้นพลิกกลับมาเป็นบวกได้

ลงทุนในตลาดหุ้นก็ต้องมีหลัก ไม่เหมาะอย่างยิ่งต่อผู้เอาแต่ไหวเต้นไปตามกระแสข่าว

Back to top button