เช็คยัง! หุ้นเหล็กแรงได้อีก งบฯหรู-ราคาถูก-งานรัฐหนุนยาว

ช่วงนี้ถือเป็นฤดูประกาศงบและเงินปันผลปี 59 กลยุทธ์การลงทุนจึงเน้นไปที่หุ้นรายตัวและรายกลุ่มที่มีปัจจัยหนุนเป็นหลัก “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจหุ้นกลุ่มเหล็กมานำเสนอ เนื่องจากมีหุ้นหลายตัวที่ทำกำไรออกมาได้อย่างสดใสในปี 59 และมีเงินปันผลดี อีกทั้งบางตัวมีผลงาน Turnaround อีกครั้ง


ช่วงนี้ถือเป็นฤดูประกาศงบและเงินปันผลปี 59 อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุนตลาดฯ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงเน้นไปที่หุ้นรายตัวและรายกลุ่มที่มีปัจจัยหนุนเป็นหลัก ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจหุ้นกลุ่มเหล็กมานำเสนอ เนื่องจากมีหุ้นหลายตัวที่ทำกำไรออกมาได้อย่างสดใสในปี 59 และมีเงินปันผลดี อีกทั้งบางตัวมีผลงาน Turnaround อีกครั้ง  

ไม่เพียงเท่านั้นหุ้นกลุ่มเหล็กยังได้รับปัจจัยหนุนในเรื่องอุปทานที่น้อยลง หลังจีนลดกำลังผลิตล็อตใหญ่ หวังแก้ไขปัญหามลพิษ แถมมีบิ๊กโปรเจ็กต์รัฐหนุนความต้องการเหล็กในประเทศโตยาว 5 ปี ขณะเดียวกันปีนี้ภาวการณ์แข่งขันเหล็กก็ยังคงมีมากขึ้นเช่นเดิม โดยเฉพาะการทุ่มตลาดเหล็กเข้ามาในไทยโดยเฉพาะจากเวียดนามที่โดนสหรัฐอเมริกาขึ้นภาษี 300% ทำให้คาดว่าเหล็กส่วนนี้อาจจะไหลกลับมายังไทยมากขึ้น

แน่นอนจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นกลุ่มเหล็กช่วงนี้ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบทวิเคราะห์หลายสำนักออกมาให้ความเห็นและแนะนำเข้าลงทุน ขณะเดียวกันการสำรวจราคาหุ้นกลุ่มหลายตัวยังมีราคาถูก เพราะเมื่อสำรวจยังมีหุ้นที่มีค่า P/BV (Price/Book Value) ไม่เกิน 2 เท่า อีกทั้งยังมีค่า P/E ต่ำกว่าตลาดซึ่งอยู่ที่ระดับ 18.43 เท่า ณ วันที่ 20 ก.พ.

ตรงนี้ทำให้เห็นว่าหุ้นกลุ่มเหล็กยังมีความน่าสนใจและเชื่อว่าข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาและอยากเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ได้บ้าง

หลักทรัพย์ ราคาปิด ณ 20 ก.พ.  P/E P/BV มูลค่าหุ้นตามบัญชีต่อหุ้น
(เท่า) (เท่า) (บาท)
CITY         3.24    13.77     0.75                          4.35
SAM         1.63    22.73     0.80                          2.05
TWP         5.25    21.04     0.90                          5.84
BSBM         1.71      9.01     1.01                          1.69
TSTH         1.10    12.05     1.01                          1.09
MILL         1.65    13.82     1.08                          1.53
SMIT         4.42    11.90     1.11                          4.00
LHK         4.08    10.42     1.15                          3.54
AMC         4.92      8.87     1.29                          3.81
CSP         2.42    30.42     1.72                          1.41
PAP         7.00      9.55     1.87                          3.73
INOX         2.72    36.00     2.36                          1.15
MCS        16.30      6.80     2.50                          6.51
PERM         5.00    11.92     2.83                          1.77
TMT        18.20      8.72     3.01                          6.04
MAX         0.08    50.45     5.42                          0.05

 

นายกรกต ผดุงจิตต์ เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปี 2560 แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กคาดว่าจะเติบโตจากปีนี้ 10% จากภาคการก่อสร้างทั้งรัฐและเอกชนที่จะเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่คาดว่าจะใช้เหล็กรวม 17.5 ล้านตัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือราคาเหล็กโดยรวมมีแนวโน้มที่อาจปรับราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปลายปี 59 เนื่องจากต้นทุนการผลิตทั้งถ่านหิน และสินแร่เหล็กมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตาม ปี 2560 ภาวะการแข่งขันเหล็กก็ยังคงมีมากขึ้นเช่นเดิมโดยเฉพาะการทุ่มตลาดเหล็กเข้ามาในไทยโดยเฉพาะจากเวียดนามที่โดนสหรัฐอเมริกาขึ้นภาษี 300% ทำให้คาดว่าเหล็กส่วนนี้อาจจะไหลกลับมายังไทยมากขึ้น เช่นเดียวกับเหล็กจีนที่คาดว่าจะเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพราะแม้ว่าจะมีการปิดโรงงานไม่ได้ศักยภาพไปจำนวนมากแต่หากดูอัตรากำลังการผลิตเหล็กของจีนกลับไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

นายกรกตกล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กในไทยมีการปรับตัวเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคตโดยเน้นที่จะใช้หุ่นยนต์ในกระบวนการผลิตมากขึ้นเพื่อก้าวไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 แต่ต้องยอมรับว่าแต่ละบริษัทนั้นมีกำลังทุนต่างกันไปโดยบางที่ได้เริ่มนำระบบการผลิตเหล็กใหม่เข้ามาดำเนินงานแทนเพื่อที่จะตอบโจทย์อุตสาหกรรม 4.0 ในระยะยาว

 

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า “หุ้นกลุ่มเหล็ก” เด้งรับราคาเหล็กโลก-สินแร่เหล็กเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจีนลดกำลังผลิตล็อตใหญ่ หวังแก้ไขปัญหามลพิษ แถมบิ๊กโปรเจ็กต์รัฐหนุนความต้องการในประเทศโตยาว 5 ปี งานนี้ PERM-AMC-PAP-CSP-BSBM-TSTH-TGPRO รวย ออเดอร์ล้นทะลัก จับตาไตรมาส 4/2559 แจ้งงบสุดหรู ไฮซีซันหนุน พร้อมโชว์ผลงานไตรมาส 1/2560 แรงไม่หยุด

 

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลุ่มเหล็กปี 60 ไปได้ดี แม้มาร์จิ้นจะไม่สูงเท่าปีก่อน (ดีผิดปกติเพราะอุปทานน้อยลงหลังจีนลดการผลิตและหลายประเทศประกาศใช้ AD) แต่ก็ดีกว่าช่วงหลายปีก่อนมากเพราะอุปสงค์เติบโตตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและอุปทานไม่เพิ่มมาก หุ้นเด่น & ปันผลสูง คือ TMT

บล.เคจีไอระบุในบทวิเคราะห์ TMT (เป้าพื้นฐาน 20 บาท) 1) ประกาศปันผล 1.5 บาท/หุ้น (Dividend yield 8.2%) ขึ้น XD วันที่ 3 มี.ค. 2) แนวโน้มราคาเหล็กปีนี้ยังดีต่อเนื่องจากอุปสงส์ในประเทศ (การลงทุนภาครัฐ และเอกชน) + มาตรการปกป้องผู้ผลิตเหล็กในประเทศ

อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยฯประมาณการฯแบบอนุรักษ์นิยมว่ากำไรปี 2560 อาจชะลอตัวลง และปันผลกลับสู่ระดับปกติที่ 5.5% (คาดปันผลปี 2560 = 1 บาท/หุ้น)

ด้านบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ INOX แจ้งผลการดำเนินงานในปี 59 มีกำไรสุทธิ 589 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 391.2% จากปี 58 โดยมีสาเหตุหลักจากกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 522.7 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงินลดลง 10.3 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากการขายเหล็กสเตนเลสรีดเย็น 1.37 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% จากระดับ 1.17 หมื่นล้านบาทในปี 58

พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติการจ่ายปันผลสำหรับปี 59 ในอัตราหุ้นละ 0.0495 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 27 มี.ค.60

 

บล.เอเซีย พลัส  ระบุในบทวิเคราะห์ว่า MCS แนะนำ”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 19 บาท/หุ้น คาดปริมาณการส่งออก และราคาขายโครงสร้างเหล็กงวดไตรมาส 4/59 ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี หนุนกำไรโดดเด่นต่อเนื่อง และน่าจะมีการนำสภาพคล่องส่วนเกินมาจ่ายเงินปันผล + ซื้อหุ้นคืน เป็นรางวัลให้ผู้ถือหุ้น  

ส่วน TSTH หุ้น Turnaround ตัวจริง(ซื้อ:[email protected]) 3Q59/60 (ต.ค.-ธ.ค. 59) มีกำไรสุทธิ 229 ล้านบาท Turnaround เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 19% QoQ โดยได้รับอานิสงค์บวกจากราคาเหล็กเส้นเฉลี่ยที่ขยับขึ้น 4% QoQ เป็น 1.53 หมื่นบาท/ตัน ตามทิศทางราคาเหล็กโลกที่ฟื้นตัว

อีกทั้ง TSTH มีการบริหารต้นทุนได้ดีมาก และได้รับประโยชน์จากการเป็นผู้ผลิตเหล็กด้วยเตาหลอมไฟฟ้า (EAF) ที่ใช้เศษเหล็กเป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งราคาไม่ได้ปรับขึ้นมากเท่ากับราคาขาย ส่งผลดีต่อ Metal Spread และหนุน Gross Margin ทำได้ในเกณฑ์ดีมากที่ 10.4% 

ปัจจุบันฐานะการเงินของ TSTH แข็งแกร่งขึ้นมาก หลังชำระคืนหนี้สินระยะยาวจนหมดสิ้น และมี Interest Bearing Debt เพียง 0.26 เท่า เมื่อประกอบกับผลประกอบการที่สามารถกลับมาทำกำไรได้ต่อเนื่อง ทำให้ฝ่ายวิจัยมองว่ามีโอกาสสูงมากที่ TSTH จะพิจารณานำส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญที่มีอยู่ 3.26 พันล้านบาท มาล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ปัจจุบัน 2.95 พันล้านบาท ภายในปีนี้ เพื่อที่จะสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้อีกครั้งในรอบ 10 ปี (เพื่อยึดหลักอนุรักษ์นิยม ฝ่ายวิจัยไม่ได้รวมประเด็นการกลับมาจ่ายเงินปันผลไว้ในประมาณการ) ส่วนมูลค่าพื้นฐานประเมินโดยอิง PER 14x ได้ราคาเหมาะสม 1.41 บาท ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ และเลือกเป็น Top Pick กลุ่มเหล็ก

 

บล.เออีซี ระบุว่า บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM หลังจากผ่านรอบหวือหวาแจกเงินสุดฤทธ์แล้ว ก็เป็นเรื่องปกติของการพักตัวผ่อนแรง  การขึ้นของ PERM รอบนี้ถือว่าไม่ธรรมดา และฝีมือการเหวี่ยงหุ้นแบบนี้คุ้นๆ ยังไงไม่รู้ เพราะกระชากลากถูได้ตามสไตล์ไม่มีผิด  อย่างไรก็ตามผลประกอบการที่เติบโตก้าวกระโดดอย่างรุนแรงเป็นตัวการันตีว่าของดียังไม่น่าจะจบเร็ว เพราะไตรมาส 4 ยังไม่ประกาศ และมีแนวโน้มว่ายังขยายตัวน่าประทับใจอย่างมากเช่นกัน

ส่วนบริษัท แปซิฟิกไพพ์ จำกัด (มหาชน) หรือ PAP เป็นบริษัทท่อเหล็กที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นเป็นตัวแรกๆ ของกลุ่ม  โดยเริ่มเล่นกันมาตั้งแต่มกราคม 59 ด้วยปัจจัยจากผลประกอบการที่เติบโตเด่นตั้งแต่ต้นปี เพราะยอดการสั่งท่อเหล็กสำหรับงานก่อสร้างไหลทะลัก ประกอบกับต้นทุนเหล็กที่มีราคาต่ำในระยะนั้นทำให้ต้นทุนดำเนินงานต่อไปด้วย และหลังจากนั้นราคาเหล็กในตลาดโลกก็ทะยานขึ้นทำให้ราคาขายดีขึ้นมี Margin ในการขายดีจนกำไรทะลักเข้ามาสูงสุดในรอบหลายปี ถือเป็นหุ้นที่ดูดีมากๆ  ตัวหนึ่ง เพราะท่อเหล็กคือของที่ต้องใช้งานในเกือบทุกระบบการก่อสร้าง

อีกทั้งใกล้ประกาศงบไตรมาส 4 ที่น่าจะยังดูดี๊ดีเลยด้วย กำไรที่โตดีทำให้ค่า PE เหลือไม่ถึง 8 เท่า มองยังไงก็ของถูก  เพราะกำไรต่อหุ้นทั้งปีไม่ควรน้อยกว่า 0.80 บาท ดังนั้นราคาจึงไม่ควรน้อยกว่า 8 บาท และกราฟก็กำลังสร้างแนวขึ้นใหม่

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button