TKN ฟันธงรายได้ปีนี้โต 20% ลุยตั้งโรงงานผลิตในตปท.

TKN ฟิตจัดปั้มกำไรปี 59 เลิศหรู! ฟันธงรายได้ปีนี้โตต่อ 20% เตรียมตั้งโรงงานผลิตในต่างประเทศใน 2-3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าปี 62 รายได้พุ่งขึ้นเท่าตัวจากปีนี้ ฟาก โบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" ชูเป็น Top pick กลุ่ม


TKN ฟิตจัดกำไรปี 59 เลิศหรู! ฟันธงรายได้ปีนี้โตต่อ 20% เตรียมตั้งโรงงานผลิตในต่างประเทศใน ตั้งเป้าปี 62 รายได้พุ่งขึ้นเท่าตัวจากปีนี้ที่มีรายได้ 4.71 พันลบ. ฟาก โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” อัพไซด์สูงลิ่ว ชูเป็น Top pick

 

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN หลังประกาศผลการดำเนินงานปี 59 ออกมาอย่างเลิศหรูอลังการ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 781.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.96% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 396.95 ล้านบาท หลังบริษัทมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 34.4% มาที่ 4.71 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงควบคุมค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามงบประมาณกำหนด นอกจากนี้ได้ตั้งเป้ารายได้ปี 60 โต 20%

ขณะที่ราคาหุ้น TKN ล่าสุดปิดตลาดวานนี้ (28 ก.พ.) อยู่ที่ 28 บาท ปรับตัวขึ้น 2.25 บาท หรือ 8.74% มูลค่าซื้อขาย 560.68 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 33 บาท อยู่ 17.86%

 

ด้าน นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TKN เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 15-20% โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศ 60% และตลาดในประเทศ 40% ซึ่งบริษัทยังเชื่อว่าตลาดสาหร่ายทอดกรอบยังคงมีการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะตลาดในประเทศที่สถานการณ์ต่างๆ เริ่มนิ่งขึ้น การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาดีขึ้น และการบริโภคก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น ส่วนการแข่งขันทางการตลาดที่เริ่มรุนแรงขึ้นนั้น บริษัทได้นำศิลปินเกาหลีชื่อดังมาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดสาหร่ายทอดกรอบในปีนี้ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

โดยในปีนี้บริษัทยังคงตั้งเป้าที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 16.9% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 36% โดยยังคงเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เนื่องการขายในต่างประเทศให้อัตรากำไรสูงกว่าการขายในประเทศ นอกจากนี้ โรงงานแห่งใหม่มีเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ทำให้ต้นทุนด้านแรงงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่ากำลังการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้บริษัทมองโอกาสในการตั้งโรงงานผลิตในต่างประเทศในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า หากยอดขายในต่างประเทศสามารถเติบโตได้ดี โดยอาจจะพิจารณาตั้งโรงงานในประเทศที่มียอดขายดี ซึ่งอาจจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นที่มีความชำนาญและมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว

โดยปัจจุบันยอดขายต่างประเทศของบริษัทจะมาจากประเทศจีนเป็นหลัก รองลงมาเป็นมาเลเซีย ,อินโดนีเซีย ,ฮ่องกง และสิงคโปร์ เป็นต้น โดยเชื่อว่าปีนี้สัดส่วนยอดขายในจีน จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มองโอกาสที่จะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในจีนจากปัจจุบันมีอยู่ 2 ราย

นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 จะเติบโตกว่าเท่าตัวจากปี 59 ที่มีรายได้ 4.71 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตตามกำลังการผลิตที่จะเพิ่มเป็น 1.20 หมื่นตัน จากปีก่อนที่มีกำลังผลิต 6 พันตัน โดยบริษัทยังเน้นการขยายตลาดไปในประเทศจีน พร้อมกับมีแผนขยายตลาดในสหรัฐเพิ่มเติม จากปัจจุบันเป็นเพียงการส่งเข้าไปจำหน่ายในเขตไชน่าทาวน์เท่านั้น

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำซื้อ TKN ให้ราคาเป้าหมายที่ 33 บาท ยังคงเลือกเป็น Top pick รับผลประกอบการของบริษัทที่ออกมาดีกว่าคาดมาก นอกจากนี้ยังสะท้อนอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) สำหรับปี 59-61 ที่ 52% โดยยอดขายจะมีแรงหนุนมาจากกำลังการผลิตใหม่จากโรงงานโรจนะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตในปัจจุบันขึ้นเท่าตัว

รวมทั้งมีแรงหนุนมาจากสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมลงทุน (BOI) เชื่อว่ายอดขายต่างประเทศจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก สืบเนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดจีน ทั้งนี้ กระแสการรักษ์สุขภาพที่ได้รับความนิยมมากขึ้นจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนภาพรวมของบริษัทขยายให้ใหญ่ขึ้น

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button