Daily View – P.M. – บล.กสิกรไทย

Daily View - P.M. - บล.กสิกรไทย ประจำวันที่ 10 มี.ค.60


Daily View – P.M. – บล.กสิกรไทย

 

Tactical Move

 

เดินเกมกลยุทธ์บ่าย

 

สรุปภาวะตลาดเช้า

SET Index ปรับลง 7.23 จุด (-0.47%) ปิดภาคเช้าที่ 1,542.01 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19,629.85 ลบ.

Most Positive Impact: KBANK (+0.49จุด), TOP (+0.26จุด), ADVANC (+0.15จุด)

Most Negative Impact: GL (-1.59 จุด), PTT (-0.87 จุด), SCC (-0.73 จุด)

 

แนวโน้มตลาดบ่าย

เช้านี้ตลาด TIP ปิดลบ รวมถึงตลาดไทยยังคงมีแรงเทขาย โดยมีปริมาณการซื้อขายที่ 2 หมื่นล้านบาทต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนับตั้งแต่ต้นปีที่ 2.4 หมื่นล้านบาททั้งนี้กลุ่มที่กดดันตลาดได้แก่กลุ่มการเงิน (-1.77 จุด) นำมาโดย GL ที่ได้ปรับลงต่ออีก 28.5% ตลาดมียังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในธุรกิจของบริษัท

กลุ่มพลังงานถูกขายถอยลงต่อ (-1.53 จุด) นำโดย PTT (-0.87 จุด) PTTEP (-0.30 จุด) หลัง EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐ ปรับพุ่งขึ้น 8.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 528.4 ล้านบาร์เรล เป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 9 สัปดาห์ ทำให้ราคาน้ำมัน WTI ลงต่ออีก 2% ทำจุดต่ำสุดตั้งแต่ต้นปีหลุด 49 เหรียญ/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม คาดราคาน้ำมันมีโอกาสฟื้นตัวช่วงใกล้วันที่ 25-26 มี.ค.60  ซึ่งเป็นช่วงใกล้การประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และ Non OPEC การประชุมดังกล่าวน่าจะทำให้ Non OPEC เร่งลดกำลังการผลิตให้เป็นไปตามข้อตกลง มองราคาหุ้นพลังงานที่ปรับถอยลงมา ทำให้มี Upside เปิดกว้าง เลือก PTTEP เป็น Top pick

นอกจากนี้ ยังคงเลือก KCE เป็น Top pick ด้วยราคาพื้นฐานที่ Bt132 เราคาดว่า บริษัทได้พบจุดต่ำสุดของกำไรไปแล้วในงวด 4Q16 โดยกำไรน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ในงวด 1Q และ 2Q ปี 2560 จากยอดขายที่เลื่อนการรับรู้ใน 4Q16 มาปี 2560 ราว 200 – 250 ล้านบาท นอกจากนั้นกำไรจะปรับขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วง 2H17 ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมาอีก  24% ทั้งนี้ยังมี 2 ปัจจัยภายนอกที่คาดว่าจะเป็นบวกต่อ KCE ได้แก่ 1) ราคาทองแดงปรับลงต่อ หลุด 5.7 พันเหรียญต่อตันลงมา 2) แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินบาท ปัจจุบัน KCE ซื้อขายที่ระดับ PER เพียง 15 เท่าต่ำกว่ากลุ่มที่ 16 เท่า อย่างไรก็ตาม KCE ควรซื้อขายเหนือเฉลี่ยกลุ่มเนื่องจากเราประเมิน EPS Growth เฉลี่ย 20% ต่อปีใน 2017-18 ซึ่งสูงกว่ากลุ่มที่คาดจะโตเฉลี่ยเพียง 14%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับขึ้นต่อ โดยวานนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ปรับขึ้นมาอีก 3.63 bps. จาก 2.819% ขึ้นมาที่ 2.856% ทำให้นับตั้งแต่ต้นปี ได้ปรับขึ้นมากว่า 19 bps. จาก 2.666% ทั้งนี้ ทำให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงต่อ วันนี้ค่าเงินบาทยังคงทรงตัวอยู่ที่ 35.35 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ มองว่ามีโอกาสกลับไป 35.50 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ ในช่วงไตรมาส 2

กลยุทธ์ยังคงอยากให้นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขาย และอดทนสะสมหุ้นที่มีการปรับฐานลงมาอย่างหนักจน Upside เปิดกว้าง ขณะที่ EPS Growth ปี 2560 ยังเติบโตแข็งแกร่ง โดยมอง KCE CBG และ PTTEP เป็น Top Pick นอกจากนี้ แนะนำถือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น BBL KTB และชุดหุ้น TKN MEGA CHG SAWAD

หุ้นแนะนำ: KCE KTB MEGA SAWAD

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: –

 

Alternative Trading:

SET50 Futures: S50H17 รอดูการทดสอบที่ 986 จุด ก่อนมากำหนดกลยุทธ์กันอีกครั้ง

Back to top button