5 หุ้น mai โชว์ฟอร์มเทพ 2 เดือนโกยรีเทิร์นเกือบ 40%

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 2 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-28 ก.พ.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเกิน 30% เนื่องจากเห็นว่าหุ้นเหล่านี้มีผลตอบแทนโดดเด่นและน่าสนใจในช่วงที่ผ่านมา


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 2 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-28 ก.พ.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเกิน 30% เนื่องจากเห็นว่าหุ้นเหล่านี้มีผลตอบแทนโดดเด่นและน่าสนใจในช่วงที่ผ่านมา โดยครั้งนี้มีหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว 5 ตัว ประกอบด้วย OCEAN, KOOL,TAPAC,OTO และ UKEM

 

อันดับ 1 บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN ราคาหุ้น 2 เดือนปรับตัวอยู่ที่ระดับ 1.46 บาท (28 ก.พ.60) บวก 0.58 บาท หรือเพิ่มขึ้น 65.91% จากระดับ 0.88 บาท (30 ธ.ค. 59) โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากหุ้นมีราคาถูกและง่ายต่อการดันราคา

อีกทั้งช่วงที่ผ่านมามีแรงซื้อเก็งกำไรจากการเข้ามาถือหุ้นของ“กลุ่มฟ้าประทาน” ซึ่งทำธุรกิจ โรงแรม THE TWIN TOWERS สัดส่วนมากกว่าร้อยละ 13 โดยนักลงทุนมองว่าเป็นการเข้ามาเพื่อหวังนำธุรกิจโรงพยาบาลเข้ามาจดทะเบียนทางอ้อม (Back door Listing) ยิ่งเป็นแรงหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง

อย่างไรก็ตามภายหลังการเข้ามาถือหุ้นดังกล่าว นายอุชัย วิไลเลิศโภคา กรรมการผู้จัดการ บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN) ได้ออกมาชี้แจงว่าบริษัทยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายฟ้าประทาน จิตตรัตน์เสนีย์ ว่ามีวัตถุประสงค์ใดในการเข้ามาถือหุ้น แต่อย่างไรก็ตามในกลุ่มของตนเองยังคงถือหุ้น OCEAN มากกว่า 30%

 

อันดับ 2 บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL ราคาหุ้น 2 เดือนปรับตัวอยู่ที่ระดับ 7.75 บาท (28 ก.พ.60) บวก 2.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 40.91% จากระดับ 5.50 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรัตัวแรงเนื่องจากเทคนิคหุ้นเป็นขาขึ้นรอบใหม่ หลังจากที่หุ้นย่ำฐาน 5 บาท มานาน  ประกอบกับบทวิเคราะห์แนะให้ซื้อ เนื่องจากผลประกอบปี 60 มีแนวโน้มสดใสทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นแรง

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” KOOL ราคาเป้าหมาย 8.20 บาท/หุ้น โดยมองว่าการหดตัวของยอดขายในประเทศของงวดไตรมาส 4/59 นั้นเป็นผลมาจากปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น ที่มีการบริโภคของสินค้าบางเภทลดต่ำลง อีกทั้งไตรมาส 4 ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวซึ่งไม่ใช่ฤดูขายของพัดลมไอเย็น

ขณะที่ปัจจุบันกำลังเข้าใกล้ฤดูร้อนซึ่งพัดลมไอเย็นจะขายดีในช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน โดยดีลเลอร์จะต้องมีการสต็อกสินค้าล่วงหน้าในช่วงมกราคมและกุมภาพันธ์ (ช่วงก่อนฤดูขาย) ทำให้ผลประกอบการในงวดไตรมาส 1/60 จะกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง และมีกำไรสูงสุดในช่วงไตรมาส 2/60 ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนทั้งไตรมาส และยังได้รับปัจจัยบวกจากสภาพอากาศที่คาดว่าอุณหภูมิทุกภูมิภาคจะสูงกว่าปกติเล็กน้อย (อ้างอิงข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา)

 

อันดับ 3 บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TAPAC ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกและประกอบชิ้นส่วนพลาสติกเพื่อใช้สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็คโทรนิคส์ โดยในปี 2558 บริษัทได้เริ่มเข้าไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ราคาหุ้น 2 เดือนปรับตัวอยู่ที่ระดับ 42.50 บาท (28 ก.พ.60) บวก 12.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 40.50% จากระดับ 30.25 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงส่วนหนึ่งมาจากพื้นฐานบริษัทที่ทำกำไรอย่างโดดเด่น อีกทั้งเทคนิคหุ้นเป็นขาขึ้นยิ่งทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรอย่างหนาแน่น

 

อันดับ 4 บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO บริษัทดำเนินธุรกิจให้บริการบริหารจัดการงานลูกค้าสัมพันธ์แบบเต็มรูปแบบ และให้บริการออกแบบพัฒนาและติดตั้งระบบศูนย์บริการข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จให้แก่องค์กรภาครัฐและเอกชน และมีบริการให้เช่าอุปกรณ์ Contact Center และบริการให้เช่าซอฟต์แวร์ ทั้งซอฟต์แวร์สำเร็จรูป และซอฟต์แวร์ระบบ Contact Center ที่ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานให้เหมาะสมกับธุรกิจขององค์กรเพื่อให้บริการลูกค้า โดยมีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่คือ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ราคาหุ้น 2 เดือนปรับตัวอยู่ที่ระดับ 7.10 บาท (28 ก.พ.60) บวก 2.00 บาท หรือเพิ่มขึ้น 39.22% จากระดับ 5.10 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวแรงเนื่องจากพื้นฐานของบริษัทมีความน่าสนใจเห็นได้บริษัทตั้งเป้ารายได้ในอีก 4 ปีข้างหน้าจะเติบโตแตะ 2,500 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 1,300 ล้านบาท จากปัจจุบัน มีงานในมือแล้วกว่า 900 ล้านบาท และคาดจะได้รับงานใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 400 ล้านบาท จากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น กลุ่มสายการบิน ธนาคาร โรงพยาบาล ธุรกิจประกัน เป็นต้น

ส่วนเป้ารายได้อีก 1,000 ล้านบาท ของสายธุรกิจนี้ จะมาจาก วิชั่นแอนด์ ซีเคียวริตี้ ซิสเต็ม ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจกล้องวงจรปิด จำนวน 500 ล้านบาท และสามารถวิศวกรรม จำนวน 500 ล้านบาท จากได้รับอานิสงส์จากการที่สำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะมีการแจกคูปองทีวีดิจิตอล รอบใหม่จำนวน 5 ล้านใบ และสามารถวิศวกรรม ยังมีบทบาท จากการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการขยายโครงข่ายของค่ายมือถือ

 

อันดับ 5 บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ UKEM ราคาหุ้น 2 เดือนปรับตัวอยู่ที่ระดับ 1.89 บาท (28 ก.พ.60) บวก 0.53 บาท หรือเพิ่มขึ้น 38.97% จากระดับ 1.36 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้น ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากหุ้นมีพื้นฐานแข็งแกร่งเห็นได้จากผลประกอบที่มีกำไรอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมานักวิเคราะห์แนะให้เข้าเก็งกำไรยิ่งเป็นแรงหนุนให้หุ้นขึ้นแรง

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า UKEM  Valuation ไม่แพงด้วย Trailing PE 15 เท่า ราคาเคมีภัณฑ์ปีนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ เป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้น (UKEM นำเข้าและจำหน่าย เคมีภัณฑ์ประเภทสารละลาย หรือ Solvent)

อีกทั้งบมจ.ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล (UKEM) และบมจ.แกรททิทูด อินฟินิท (GIFT) ทางกองทุน Templeton ซื้อหุ้น GIFT 2.6% (8 ล้านหุ้น) จาก UKEM ประเมินเป็น Sentiment บวกต่อหุ้น GIFT ที่มีกองทุนต่างชาติเข้าลงทุน และเป็นบวกต่อ UKEM (คาดรับรู้เงินสดจากการขายเงินลงทุน) จึงแนะนำ “เก็งกำไร” GIFT มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 6.5 บาท และ UKEM แนวต้าน 2.14 บาท และ 2.23 บาท ยิ่งทำให้หุ้นขึ้นแรงอีกทง

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button