วอลุ่มบาง(อีกแล้ว)

*ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกหนักใจมากสุดในเที่ยวนี้ คงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางลงอย่างน่าใจหาย เพราะแสดงให้เห็นว่า นักเล่นยังไม่พร้อมลุยเต็มตัว จึงเข้าลงทุนแบบเสียไม่ได้ไปพรางๆ ซึ่งทำให้การทะยานขึ้นเที่ยวนี้ไม่เวิร์คเอาเสียเลย และยังเป็นช็อตที่ต้องเฝ้าระวังทุกฝีก้าวอีกด้วย ส่งผลให้คนที่เข้าลงทุนในเที่ยวนี้เหลือเพียงพวกที่ชอบรับประทานไวไวเป็นอาการหลักนะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

 

*ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกหนักใจมากสุดในเที่ยวนี้ คงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางลงอย่างน่าใจหาย เพราะแสดงให้เห็นว่า นักเล่นยังไม่พร้อมลุยเต็มตัว จึงเข้าลงทุนแบบเสียไม่ได้ไปพรางๆ ซึ่งทำให้การทะยานขึ้นเที่ยวนี้ไม่เวิร์คเอาเสียเลย และยังเป็นช็อตที่ต้องเฝ้าระวังทุกฝีก้าวอีกด้วย ส่งผลให้คนที่เข้าลงทุนในเที่ยวนี้เหลือเพียงพวกที่ชอบรับประทานไวไวเป็นอาการหลักนะคะ

*ด้วยเหตุนี้อย่าได้แปลกใจที่ช่วงเช้าเห็นมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น พอตกบ่ายกลับออกอาการเหมือนกลัวอะไรบางอย่างขึ้นมาในสมอง วานนี้ถึงเห็นดัชนียืนปิดได้แค่ระดับ 1,563.54 จุด บวกไป 2.56 จุด ด้วยมูลค่า 3.57 หมื่นล้านบาท ทั้งที่กองทุนตัวแสบก็ซื้อ ส่วนปอบผีฟ้าก็เล่น แถมฝรั่งตาน้ำข้าวก็ตาม สุดท้ายกลับไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแบบนี้ มันไม่ค่อยเวิร์คเลยเจ้าค่ะ

*เนื่องจากกลุ่มผู้เล่นหลักหันมาเล่นเกมรับแบบเต็มตัว ทำให้การเคาะขวาแบบรัวๆ หายไปในทันที และถูกแทนที่ด้วยการเคาะทำชิ่งไปเรื่อยๆ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนเข้าสู่โหมด wait & see อีกครั้งแบบนี้ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า นี่เป็นเรื่องที่นักเล่นต้องเข้าใจ เพราะอาการไม่อยู่กับร่องไม่อยู่กับรอยจะเกิดขึ้นบ่อยมาก ซึ่งจะทำให้หุ้นขนาดใหญ่มีความผันผวนมากขึ้นพะยะค่ะ

*เหมือนกับในรายของ PTT หากเป็นการลงทุนแค่ระยะสั้นๆ ย่อมสร้างความอึดอัดใจให้ผู้เล่นอย่างมาก แต่ถ้าดูยาวๆ น่าจะทำให้พวกที่มีเงินเย็นสบายใจเฉิบกันถ้วนหน้า “โมนิก้า” ถึงพยายามยกภาพการลงทุนในลักษณะนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ เพื่อให้แฟนคลับปรับยุทธวิธีการลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์ บวกกับวานนี้หุ้นเพิ่งเทคตัวขึ้นมายืนที่ 402 บาท บวกไป 6 บาท ด้วยมูลค่า 2.44 พันล้านบาท จึงเป็นจังหวะของการทยอยเก็บนะจ๊ะ

*ไซเคิลดังกล่าวคล้ายคลึงกับกรณีของ ADVANC ในรอบระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เพราะหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบหลัก 140-190 บาท ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวซ้ำๆ 2 ครั้งด้วยกัน ล่าสุดเห็นหุ้นเด้งขึ้นจากระดับกรอบล่าง ขึ้นมาปิดที่ระดับราคา 177 บาท บวกไป 1 บาท ด้วยมูลค่า 1.40 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องเริ่มอ่านเกมให้ขาดตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อกำหนดท่าทีการเล่นให้ชัดเจนเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ AJD ถูกจับไปพัวพันในหลายเรื่องด้วยกัน จนหนึ่งในผู้ร่วมทุนอย่าง เสี่ยยักษ์ ต้องออกมาเปิดใจผ่านรายการ “ข่าวหุ้นออนเรดิโอ” ว่า ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัดจานบิน และผมยังไม่ได้ขายหุ้นออกไปเลย และนับจากวันนี้ต่อไปอีก 3 ปีก็จะไม่มีการขายหุ้น และเสี่ยคนดังกล่าวจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มแบบนี้กระมั้ง หุ้นถึงเด้งขึ้นมาปิดที่ 1.65 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 10.75% ด้วยมูลค่า 611 ล้านบาท จังหวะนี้ถึงต้องตามไปดูอีกยกค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้อยากให้แฟนคลับย้อนกลับไปดูน้องกิ๊ฟ GIFT หลังราคาหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 6.85 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 14% ด้วยมูลค่า 130 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของนักเล่นที่มีความเชื่อมั่นในตัวของคุณน้อง “พีรเจต” หลังเห็นตัวเลขกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง บวกกับแผนธุรกิจกำลังต่อให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น จึงกลายเป็นหุ้นที่ต้องเล่นตามน้ำเจ้าค่ะ

*ส่วนหุ้นอีกหนึ่งตัวที่กลับเข้ามาเล่นใหม่อย่าง CHG กลายเป็นช็อตเด็ดที่นักเล่นต้องตามติดแบบเกาะขอบสนาม หลังกระชากขึ้นมาปิดที่ 2.54 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 3.25% ด้วยมูลค่า 410 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า อาจเป็นการรีบาวด์ หรือการกลับทิศของหุ้นก็ได้ทั้งนั้น..หากเป็นอย่างหลังสามารถมองได้ถึง 3 บาท หากไม่ใช่อย่างที่คิดก็ถอยฉากออกมาก่อนพะยะค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ PLAT วิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.50 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่า 270 ล้านบาท “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า รอบก่อนไม่ผ่าน 7.60 บาท รอบนี้ถึงต้องลุ้นหนักพอสมควร จึงกลายเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงในการเล่นพอสมควร แถมอารมณ์ของตลาดหุ้นก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เดี๊ยนถึงพยายามให้ทุกคนซอยเท้าเพื่อเตรียมออกตัวไงล่ะค่ะ

*สำหรับรายที่ต้องชิ่งหนีก่อนใครเพื่อน “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้นสีเทา GL ถูกเทขายตลอดทั้งวัน จนสุดท้ายหุ้นลงมาปิดที่ 18.10 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 4.75% ด้วยมูลค่า 1.27 พันล้านบาท มันเป็นเรื่องของปัญหาใหม่ๆ ที่ปูดออกมาแบบไม่รู้จบ หากเป็นบริษัททั่วไปก็คงชี้แจงหมดเปลือก เพื่อกู้ศรัทธาของผู้ถือหุ้นให้กลับมาเร็วๆ แต่เผอิญบริษัทข้ามชาติรายนี้ไม่ใช่แบบนั้น ทุกอย่างเลยดูแย่ลงไปอีกเรื่อยๆ..รู้แล้วก็ใส่เกียร์ถอยรอไว้เลยค่ะ

*อีกหนึ่งรายที่เสียทรงจากแรงเทขายอย่าง ALT มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องปรับจูนอะไรบางอย่างให้เข้ากับภาวะการลงทุน ในเมื่อเห็นกันเต็มสองลูกตาว่า หุ้นไม่สามารถไปต่อได้ แรงซื้อหดหายไปเป็นจำนวนมาก แถมหุ้นโรยตัวลงมาเรื่อยๆ ก็ไม่ควรอยู่รออะไรอีกต่อไป บวกกับวานนี้หุ้นลงมาปิดที่ 8.25 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาท สงสัยต้องไปตั้งต้นแถวบริเวณ 8 บาท..หากเอาไม่อยู่ ไปแถวราคา 7.50 บาทโน้นเลย…อิอิอิ

Back to top button