สังคมข่าวหุ้น

เป็นอีกหนึ่งวันที่ตลาดหุ้นไทยถอยกลับมาปิดในแดนลบกันอีกครั้ง โดยขาเข้าซื้อสุทธิทางสถาบันจัดหนักไป 2,066 ล้านบาท ตามด้วยต่างชาติเข้าเก็บ 156 ล้านบาท ส่วนฝั่งเทขายสุทธิรายย่อยสาดกระจาย 1,923 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์อีก 300 ล้านบาท


นิวส์เวฟ

 

*ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,574.97 จุด ปรับลดลง 1.75 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 3.6 หมื่นล้านบาท * เป็นอีกหนึ่งวันที่ตลาดหุ้นไทยถอยกลับมาปิดในแดนลบกันอีกครั้ง โดยขาเข้าซื้อสุทธิทางสถาบันจัดหนักไป 2,066 ล้านบาท ตามด้วยต่างชาติเข้าเก็บ 156 ล้านบาท ส่วนฝั่งเทขายสุทธิรายย่อยสาดกระจาย 1,923 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์อีก 300 ล้านบาท

* เอาล่ะเริ่มกันด้วยหุ้นแรกขอเลือก SCN ที่เมื่อวานแรงซื้อขายเข้ามาร้อนแรงเป็นพิเศษ * โดยหุ้น SCN รับข่าวดีกรณีการปิดดีลเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซกับ PTT ได้ 4 สัญญา * จุดสำคัญที่ต้องจับตาคือกรณีผลตอบแทนจากการขายก๊าซราคาใหม่พุ่งถึง 3.43 บาทต่อกก. จากเดิม 2 บาทต่อกก. * นั่นหมายความว่าผลตอบแทนที่ SCN จะได้รับมากขึ้นกว่าเดิมเกือบเท่าตัว และจะส่งผลให้งบปี 60 ออกมาเติบโตเด่นแน่นอน * ล่าสุด โบรกฯ ให้ราคาเป้าหมายไว้ 9.50 บาท ยังมีอัพไซด์เหลืออีกประมาณ 13% * ใครมีหุ้นอยู่ถ้าไม่ใจร้อนก็น่าลองถือยาวกันต่อไป เพราะเทรนด์ธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นเต็มกำลัง * โดยเฉพาะงบไตรมาสแรกที่ดูแววแล้วสดใสไม่เบา จึงถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ราคาหุ้นระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้นได้

* ต่อกันด้วยหุ้น TASCO ถือเป็นอีกรายที่ได้กลับมารับความนิยมในขณะนี้อีกครั้ง * ภายใต้ภาวะราคายางมะตอยที่ยังเคลื่อนไหวในระดับสูง ได้กลายเป็นแรงหนุนให้งบปี 60 กลับมาโดดเด่น * ยิ่งไปกว่านั้นทาง TASCO เองยังมีออเดอร์งานล่วงหน้าไปแล้วยาวถึงกลางปี * ส่งผลให้งบครึ่งปีแรกรีเทิร์นกลับมาโตได้ดีแบบแทบไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง * ราคาเป้าหมายโบรกฯ เคาะไว้ 35 บาท อัพไซด์กระฉูดกว่า 30% ทีเดียว

* หุ้น DTAC มีปัจจัยลบกดดันเรื่องใหม่เข้ามาเพิ่มเติมจนได้ * รอบนี้เป็นกรณีของทริสเรทติ้งที่ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตลงเป็น “ลบ” จากเดิม คงที่ * โดยทางทริสเรทติ้งให้ความกังวลถึงประเด็นภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด * รวมถึงมีเรื่องสถานะการเงินที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง * และยังมีประเด็นคลื่นความถี่ในมือที่ใช้รองรับบริการลูกค้าที่ยังต้องติดตาม * ดังนั้นจึงขอให้แฟนหุ้น DTAC ต้องจับตากรณีคลื่น 2300 MHz ของทีโอทีที่บริษัทได้เสนอแผนเข้าเป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิด * เพราะนับเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นทั้งในเชิงหุ้นและพื้นฐานของ DTAC เป็นอย่างมาก

* หุ้นนอกกระแสขอเลือกไปที่ FPI เพราะมีปัจจัยบวกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว * ระยะสั้นก็หนีไม่พ้นตัวทิศทางผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ต่อเนื่องจนสวนกระแสหุ้นยานยนต์ * ส่วนเชิงระยะยาวคือการแตกไลน์รุกไปสู่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าเพิ่มโอกาสเติบโต * ซึ่งดีลแรกชัดเจนไปแล้วที่ร่วมมือกับพาร์ตเนอร์เข้าลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลังผลิต 7.5 MW * โดยมีกำหนด COD เพื่อบุ๊ครายได้-กำไรกันในช่วงไตรมาส 2 นี้ * เท่ากับจากนี้ไป FPI จะสามารถเติบโตได้ถึง 2 ขา โดยขาแรกจากออเดอร์งานฝั่งยานยนต์ที่ไหลเข้ามาท่วมท้น * ขาสองจากฝั่งธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีแผนลงทุนเพิ่มอีก

* ปิดท้ายด้วยหุ้นน้องใหม่รายล่าสุด ASAP จะถึงคิวเข้าเทรดซื้อขายอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันนี้ * แวดวงการเงินประเมินกันมาว่า มีโอกาสวิ่งลุ้นทะลุระดับ 4 บาทเลยทีเดียว สูงกว่าราคาขายไอพีโอ 3.03 บาท * เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่ง และธุรกิจให้บริการรถยนต์ให้เช่าแบบครบวงจรยังอยู่ในช่วงขาขึ้น * ทั้งในส่วนของการเช่ารถระยะสั้นที่โตสอดคล้องตามกระแสนิยมเดินทางด้วยเครื่องบินแล้วเช่ารถมาใช้ขับเดินทางต่อ * หรือจะฐานลูกค้าระยะยาวที่เป็นหน่วยงานต่างๆ เข้ามาใช้บริการหนาแน่น * ใครที่มีหุ้นแล้วมาลุ้นกันดูว่าราคาจะวิ่งกันได้ดีขนาดไหน สอดคล้องกับที่วงการเงินเขาประเมินหรือไม่ * ส่วนคนที่พลาดจองหุ้นช่วงไอพีโอกันไป โอกาสเข้าเก็บหุ้นในกระดานมาแล้ว อย่าปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด

Back to top button