พักเพื่อไป?

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นตลอดเวลา เพราะนักลงทุนกลุ่มต่างๆ มักมีมุมมองในการลงทุนที่ไม่เหมือนกันเป็นประจำ จึงต้องตัดสินกันที่แรงซื้อแรงเทขายของใครมากกว่ากัน ส่งผลให้การเคลื่อนตัวของดัชนีเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสังเกตได้จากค่าสัญญาณเทคนิคก่อนหน้านี้ผงกหัวขึ้นกันทุกตัว แรงซื้อก็ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกันพะยะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

 

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นตลอดเวลา เพราะนักลงทุนกลุ่มต่างๆ มักมีมุมมองในการลงทุนที่ไม่เหมือนกันเป็นประจำ จึงต้องตัดสินกันที่แรงซื้อแรงเทขายของใครมากกว่ากัน ส่งผลให้การเคลื่อนตัวของดัชนีเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสังเกตได้จากค่าสัญญาณเทคนิคก่อนหน้านี้ผงกหัวขึ้นกันทุกตัว แรงซื้อก็ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกันพะยะค่ะ

*ส่วนภาวะการลงทุนในขณะนี้ค่อนไปในทางพักตัวเพื่อรอจังหวะดีดขึ้นใหม่ ค่าสัญญาณเทคนิคหลายตัวก็โค้งหัวลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน “โมนิก้า” ถึงเห็นนักลงทุนบางกลุ่มเริ่มเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงกันอีกรอบ ดัชนีถึงย่อตัวลงมาปิดที่ 1,574.97 จุด ลบไป 1.75 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.69 หมื่นล้านบาท มันเป็นจังหวะของการรอช้อนหุ้นรอบใหม่นะจะบอกให้

*สาเหตุที่ทำให้เชื่อเช่นนั้นมาจากทิศทางของหุ้นรายตัวแกว่งขึ้นๆ ลงๆ เป็นลูกคลื่นตลอดเวลา ซึ่งทำให้คนที่เข้าซื้อในจังหวะอ่อนตัวมีโอกาส take profit ได้อย่างสบายใจเฉิบ วันนี้ถึงต้องเริ่มตั้งกรอบของการเล่นอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่สร้างความลำบากใจให้กับผู้เล่นพอสมควร หากทำได้ตามแบบแผนที่วางไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ รับรองการเล่นหุ้นเที่ยวนี้เป็นเรื่องชิวๆ เลยแหละตัวเอง

*เหมือนกับการขยับเขยื้อนของหุ้นลิสซิ่งสีเทา GL มันเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องรู้จักปรับสภาพตัวเองให้เข้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างฟันธงไปในทางเดียวกันว่า บั้นท้ายของเรื่องนี้จบไม่สวยแน่ๆ แม้ในระหว่างทางจะมีแรงฮึดสู้ให้เห็นตลอดเวลา แต่หลักฐานหลายอย่างก็ฟ้องให้เห็นกันทนโท่แบบนี้ ใครไม่กลัวน้ำร้อนก็ลุยกันต่อไป เพราะการที่ลงมาทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 18.70 บาท ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 23.40 บาท ลบไป 2.35 บาท หรือลงไป 9.10% ด้วยมูลค่า 4 พันล้านบาท วันนี้ต้องมีการได้เสียเกิดขึ้นอีกนะจะบอกให้

*เช่นเดียวกับในรายของหุ้นร้อน APX ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุมขาปั่นน่องเหล็กทั่วประเทศ ก็เป็นผลผลิตที่มาจากการชักชวนให้เข้ามาลงทุนด้วยผลประโยชน์บางอย่าง “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ผู้คนมากมายจะก่นด่าผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างหนักหน่วง เพราะเป็นคนเปิดบ้านให้พวกสัมภเวสีเข้ามาหากินกันอย่างสนุกสนาน ยิ่งวานนี้มีการดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ 0.83 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 13.70% ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท ยิ่งทำให้เดี๊ยนรู้สึกสะอิดสะเอียนกับพฤติกรรมของบรรดาขาใหญ่มากขึ้นทุกที..งานนี้บอกได้ทันทีว่า เดี๋ยวมีลากต่อ แล้วค่อยทุบเจ้าค่ะ

*อีกหนึ่งรายที่โผล่ขึ้นมาแบบแวบๆ เป็นประจำคงหนีไม่พ้น AMANAH  ซึ่งเที่ยวนี้มาพร้อมกับสตอรี่เติบโตเต็มตัว หลังจากปีที่ผ่านมาใช้เรื่องเทิร์นอะราวด์เป็นตัวบิวด์อารมณ์ “โมนิก้า” ถึงสงสัยเหลือเกินว่า การวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.10 บาท บวกไป 0.24 บาท หรือขึ้นไป 12.90% ด้วยมูลค่า 450 ล้านบาท น่าจะเป็นการลากหุ้นเพื่อล่อให้แมงเม่าเข้ามารับของ หลังหุ้นเทรดบนค่า P/E 60 เท่าแล้วนะซี

*เหมือนกับกรณีของ STA วิ่งขึ้นมาปิดที่ 19.20 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่า 600 ล้านบาท น่าจะเป็นการเล่นบนความเชื่อมากกว่าบนความจริง ซึ่งหลายคนลงความเห็นกันว่า ราคายางก็ไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟ็คเหมือนเมื่อก่อน บวกกับไซเคิลของหุ้นยังเป็นลักษณะ w-shape โดยจุดต่ำสุดใหม่ยังมีให้เห็นตลอดเวลา เที่ยวนี้ถึงเป็นการเดิมพันว่า หากไม่สามารถผ่านยอดเดิมที่บริเวณ 20.70 บาทขึ้นไปได้ ต้องรีบเผ่นอย่างเร่งด่วนเจ้าค่ะ

*อีกหนึ่งรายที่มาในทรงเดียวกันเป๊ะก็คือ PTL วิ่งขึ้นมาปิดที่ 16.30 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่า 255 ล้านบาท  “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการตามน้ำที่เห็นได้เป็นประจำในยามที่กระแสธุรกิจเวียนกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง วันนี้ถึงต้องถามใจผู้เล่นว่า หุ้นจะเทคตัวขึ้นไปทดสอบยอดเดิมที่บริเวณ 17 บาท ต่อจากนั้นจะวิ่งขึ้นไปหาแนวต้านที่บริเวณ 20 บาทใช่ไหม? หากเชื่อว่า น่าจะออกมาในโทนดังกล่าว พวกท่านก็ลุยไปเลยนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ MOONG เที่ยวนี้มาด้วยเรื่องหุ้นต่ำกว่าราคาเหมาะสม จึงมีเจ้าภาพหลายสายเข้ามาช่วยกันจุดพลุกันอย่างสนุกสนาน วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นไปถึง 8.25 บาท ก่อนจะย่อตัวลงมาปิดที่ 7.50 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 9.50% ด้วยมูลค่า 360 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่นักเล่นต้องจินตนาการกันเอาเองว่า วันนี้เทรดบน P/E 15 เท่า มันสูงเกินไปหรือยัง?

*ไหนๆ ก็มาด้วยทรงหุ้นเล็กพริกขี้หนูขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอมาต่อกันที่หุ้น K กระชากขึ้นมาปิดที่ 7.15 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 270 ล้านบาท แถมเป็นการปรับตัวขึ้นแรงเป็นวันที่สอง พร้อมกับทำยอดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแบบนี้ มันเป็นจังหวะที่บิวด์ให้ผู้เล่นอยากโหนกระแสต่อไปอีกระยะหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย วันนี้ถึงขึ้นอยู่กับมือใครไวกว่ากันนะคะ

Back to top button