เด้งท้ายตลาด

*เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ช่วงระหว่างวันดัชนีตลาดหุ้นไทยพบกับแรงกดดัน ศึกสองด้าน “ศึกภายนอก” และ “ศึกภายใน” นั่นเอง โดยศึกภายนอก ตอบรับความกังวลจากสหรัฐยิงจรวดถล่มซีเรีย ประกอบกับมีเรื่องเฝ้าติดตามการเจรจาผู้นำจีนกับสหรัฐ ขณะที่ศึกภายในหุ้นใหญ่หลายตัวขึ้น XD อย่างเช่น KBANK, SCCC, INTUCH ที่สามารถกดดันดัชนี จนทำให้สาวน้อยอย่าง “โมนิก้า” ถอดใจไปด้วยเลยว่าดัชนีจะติดลบเท่าไหร่…อิ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

 

*เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ช่วงระหว่างวันดัชนีตลาดหุ้นไทยพบกับแรงกดดัน ศึกสองด้าน “ศึกภายนอก” และ “ศึกภายใน” นั่นเอง โดยศึกภายนอก ตอบรับความกังวลจากสหรัฐยิงจรวดถล่มซีเรีย ประกอบกับมีเรื่องเฝ้าติดตามการเจรจาผู้นำจีนกับสหรัฐ ขณะที่ศึกภายในหุ้นใหญ่หลายตัวขึ้น XD อย่างเช่น KBANK, SCCC, INTUCH ที่สามารถกดดันดัชนี จนทำให้สาวน้อยอย่าง “โมนิก้า” ถอดใจไปด้วยเลยว่าดัชนีจะติดลบเท่าไหร่…อิอิ

*ดันผิดคาดเมื่อช่วงท้ายตลาด ดัชนีสามารถพลิกกลับมาบวกได้ราวกับปาฏิหาริย์ โดยสามารถขึ้นมาปิดที่ 1,583.53 จุด บวกไป 1.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.81 หมื่นล้านบาท อันเนื่องจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามาหนุน ซึ่งสืบเนื่องจากสถานการณ์ในซีเรียส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มตึงตัว ทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามรูปธรรม

*ทั้งนี้ แม้ว่าดัชนีจะเด้งตัวขึ้น แต่ “โมนิก้า” ขอเตือนไว้ว่าอย่าชะล่าใจ เนื่องจากในสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยจะเปิดทำการเพียง 3 วัน แล้วก็หยุดช่วงสงกรานต์ยาว ทำให้นักลงทุนอาจจะชะลอการลงทุน หรืออาจจะเทขายทำกำไรออกมาก่อน เพราะตลาดฯก็ยังไม่มีปัจจัยที่มีนัยสำคัญมากนักนะคะ

*ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” จึงหยิบยกหุ้นที่ยังมีโอกาสไปต่อ  อย่าง CBG มาแล้วครับพี่น้อง! ราคาเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง ล่าสุด ปิดที่ 64.25 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 4.47% ด้วยมูลค่า 544.57 ล้านบาท  ซึ่งเดี๊ยนดูแล้วในระยะยาวมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ดี แม้บริษัทร่วมในจีนจะมีผลขาดทุนแต่เชื่อว่าราคาได้ปรับตัวตอบรับต่อกรณีดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งยอดขายในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นค่อนข้างดีจะชดเชยปัญหาดังกล่าวได้ แต่ที่น่าสนใจคือการตลาดที่จะยกระดับแบรนด์ไปสู่ระดับโลก ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่การเปิดตลาดใหม่ แบบนี้การันตีอนาคตสดใสแน่นอนเจ้าค่ะ!

*เหมือนกับหุ้นเล็กจิ๋วแต่แจ๋วอย่าง ATP30 ล่าสุดปิดที่ 2.18 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 3.81% ด้วยมูลค่า 38.22 ล้านบาท ราคาดีดตัวต่อเนื่องก่อนขึ้น XD วันที่ 11 เม.ย.นี้ “โมนิก้า” มองว่าเป็นหุ้นที่มีความโดดเด่นนับตั้งแต่เข้ามาในตลาด ด้วยโมเดลธุรกิจเฉพาะตัวที่มีความน่าสนใจ และจะขยายตัวได้มากขึ้นอีกจากการเร่งลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ของทั้งภาครัฐและเอกชน เรียกว่านอนมาเลยทีเดียวสำหรับกลุ่มลูกค้าหลักในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม พื้นฐานแน่นแบบนี้มีติดพอร์ตไว้ไม่เสียใจค่ะ!

*เช่นเดียวกับ CCN ที่วอลุ่มการซื้อขายช่วงนี้คึกคักเป็นพิเศษ ราคาหุ้นล่าสุดปิดที่ 6.70 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือ 8.06% ด้วยมูลค่า 175.83 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นการปรับตัวขึ้น 6 วันต่อเนื่อง นับตั้งแต่ราคายังอยู่ที่ 4.94 บาท การปรับตัวขึ้นร้อนแรงอย่าง “ผิดหูผิดตา” ในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายหุ้นออกมาให้กลุ่มใหม่ ที่ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการหรือเปล่าน้า…อิอิ

*หุ้นอีกตัวที่น่าสนใจไม่น้อยในช่วงนี้ GREEN ที่ดูเหมือนจะเป็นเป้าสายตาของเหล่า “แมงเม่า” ทั้งหลาย หลังจากที่เห็นราคาหุ้นพักฐานอยู่แถวๆ 1.11 บาทมาซะนาน ล่าสุดราคาหุ้นกระชากมาปิดที่ 1.93 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 4.32% ด้วยมูลค่า 132.98 ล้านบาท แต่หากมองในเรื่องของผลประกอบการแล้ว “โมนิก้า” ต้องขอบอกก่อนว่า หุ้นตัวนี้ยังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เกมราคาหุ้นในครั้งนี้อาจจะมาแบบ “ประเดี๋ยวประด๋าว” แต่สำหรับใครที่ชอบเข้าไวออกไวจะลองดูอีกสักทีก็ไม่เสียหายนะเจ้าค่ะ

*เหมือนกับกรณีของ SELIC มีการไล่ราคากันอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ด้วยวอลุ่มที่ค่อนข้างหนาแน่น โดยล่าสุดกระชากตัวขึ้นมาปิดที่ 3.30 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 3.77% ด้วยมูลค่า 51.54 ล้านบาท ซึ่งหากมองจากข่าวดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น “โมนิก้า” มองว่ามีโอกาสที่จะเดินหน้าต่อไปถึงแนวต้านที่ 3.50 บาท ได้ไม่ยาก แต่ยังไงก็ต้องติดตามกันว่าเที่ยวนี้จะวิ่งไปถึงฝั่งฝันได้หรือเปล่านะเจ้าค่ะ

*ขณะเดียวกันพูดถึงประเด็น EEC แล้ว “โมนิก้า” มองว่า WHA เป็นอีกตัวที่แซ่บไม่เบา เรียกว่าเตรียมตัวรับทรัพย์ จัดพื้นที่ในนิคมฯรองรับโครงการพัฒนาดังกล่าวไว้เรียบร้อย นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์จากการที่รัฐจะเร่งให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการบิน และศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอีกด้วย ด้านผู้บริหารมั่นอกมั่นใจว่าปีนี้จะสามารถทำกำไรทุบสถิติสูงสุดได้ต่อเนื่อง ล่าสุดปิดที่ 3.14 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่า 41.06 ล้านบาท ยังมีเวลาให้เก็บของกันนะเจ้าค่ะ

*ปิดท้ายด้วยหุ้นช่วงร้อนๆ แบบนี้ “โมนิก้า” จะพลาด SAPPE ได้อย่างไร เพราะตอนนี้กำลังเฉิดฉายเข้าสู่ High Season แถมเปิดตัวแคมเปญใหม่สุดจี๊ด พร้อมกอบโกยยอดขายเข้ากระเป๋าเป็นกอบเป็นกำ ส่วนราคาหุ้นก็ไม่น้อยหน้ายังวิ่งจู๊ดมาปิดที่ระดับ 26.75 บาท บวกไป 1.00 บาท หรือขึ้นไป 3.88% ด้วยมูลค่า 61.62 ล้านบาท หลังก่อนหน้านี้รูดลงมาเกือบ 13% ภายใน 5 วัน งานนี้ เดี๊ยนว่าถึงเวลาน้ำขึ้นให้รีบตักกันแล้วเจ้าค่ะ

Back to top button