KBANK จ่อประกาศกำไร Q1 แตะหมื่นล้าน หลังตั้งสำรองฯลดฮวบ!

KBANK จ่อประกาศกำไร Q1/60 แตะหมื่นล้าน โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ "ซื้อ” เป้าสูงปรี๊ด-อัพไซด์เหลือเพียบ มองกำไรโตแกร่งหลังตั้งสำรองฯ-ค่าใช้จ่ายลดลง พร้อมรับผลบวกดอกเบี้ยขาขึ้น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK หลังจากเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยกลุ่มธนาคาร โดยคาดการณ์ว่า KBANK จะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 ในวันพรุ่งนี้ (20 เม.ย.60) โดยนักวิเคราะห์ต่างมองว่าผลการดำเนินงานของ KBANK จะปรับตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อน หลังตั้งสำรองฯ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง

ขณะที่คาดว่าสินเชื่อในไตรมาส 1/60 จะเติบโตราว 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/59 ที่มีกำไรสุทธิ 9.6 พันล้านบาท นอกจากนี้ KBANK จัดว่าได้ประโยชน์มากสุดจากวงจรขาขึ้นของสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ย เพราะมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) สูงสุดในกลุ่มธนาคาร และมีสินเชื่อภาคธุรกิจมากถึง 70%

ด้านราคาหุ้นปิดตลาดวานนี้ (18 เม.ย.60) อยู่ที่ 192.50 บาท ปรับตัวลง 1.00 บาท หรือ 0.52% มูลค่าการซื้อขาย 762.31 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซต์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 240 บาท อยู่ 24.68%

โดยนักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้กลุ่มธนาคารประกาศงบไตรมาส 1/60 คาดผลกำไรของธนาคารที่ Cover ทั้งหมด 8 ตัวจะมีกำไรสุทธิรวมประมาณ 4.79 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน และ 15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของ NIM และมีการตั้งสำรองหนี้เสียลดลง คาด TCAP ประกาศงบในวันที่ 19 เม.ย.60 ส่วน BBL, KBANK, KTB และ SCB น่าจะประกาศงบในวันที่ 20 เม.ย.60

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ ซื้อ” KBANK ให้ราคาเป้าหมาย 240 บาท/หุ้น โดยจัดให้ KBANK เป็น 1 ใน 2 หุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร เนื่องจาก KBANK ได้ประโยชน์มากสุดจากวงจรขาขึ้นของสินเชื่อ และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เพราะมี NIM สูงสุดและมีสินเชื่อภาคธุรกิจมากถึง 70%

ทั้งนี้ คาดว่า KBANK จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 ราว 1.08 หมื่นล้านบาท เติบโต 6% เทียบกับไตรมาสก่อนและเติบโต 12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนมาจากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลง 10% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลที่ค่าใช้จ่ายจะชะลอตัวลงในช่วงแรกของปี โดยคาดการณ์ Cost to income ratio ลดลงมาอยู่ที่ 41% จาก 46% ในไตรมาสก่อนหน้า

ส่วนกำไรที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เกิดจากคาดการณ์การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญลดลง 29% จาก 1.13 หมื่นล้านบาท มาเป็น 8 พันลบ. โดยคาดว่า KBANK จะรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไว้ได้ในระดับสูงที่ 3.5-3.6% เนื่องจากฐานเงินฝากที่เพื่มขึ้นมาราว 1.5% จากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่เป็นฐานเงินฝากออมทรัพย์ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่เงินให้สินเชื่อเพื่มขึ้นใกล้เคียงกัน

พร้อมคงประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ที่ 4.14 หมื่นล้านบาท เติบโต 3% โดยมีสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อที่ 6% (ปี 59 ทำได้ 5.5% และเป้าหมายปี 60 อยู่ที่ 4-6%), NIM คาดการณ์ที่ 3.48% ชะลอลงเล็กน้อยจาก 3.52% ในปีก่อน แต่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ 3.3-3.5%, คาดการณ์ Cost to income ratio ลงเป็น 43% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารอยู่ที่ราว 45%

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ ซื้อ” KBANK ให้ราคาเป้าหมาย 203 บาท/หุ้น โดยในปีนี้ KBANK อาจจะต้องตั้งสำรองฯสูงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากยังมีความเสี่ยง NPL อยู่บ้าง ดังนั้นจึงคาดกำไรปีนี้จะโตแค่ 1%

แต่หากมองที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/60 จะเห็นการฟื้นตัวขึ้นจากการตั้งสำรองฯลดลงจากไตรมาส 1/59 ที่มีการตั้งสำรองฯค่อนข้างสูง และมาลดลงในไตรมาส 4/59 ขณะที่สินเชื่อคาดว่าจะเติบโตได้ราว 6% จากไตรมาส 1/59 และจะเติบโต 1-1.5% เทียบกับไตรมาส 4/59

โดยคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 ที่ 1.0-1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/59 ที่มีกำไรสุทธิ 9.6 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากรายได้ดอกเบี้ยสูงขึ้น สำหรับ NPL Ratio ปี 60 คาดว่าจะทรงตัวจากปีที่แล้วที่อยู่ในระดับ 3.3% แต่ฝ่ายวิจัยฯ คาดไว้ในระดับ 3.4%

ทั้งนี้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ไว้ที่ 4.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 1-2% จากปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 4.0 หมื่นล้านบาท โดยคาดการณ์สินเชื่อปีนี้จะเติบโตราว 6% อย่างไรก็ดี คงจะต้องรอดูสถานการณ์ปลายปีอีกครั้ง

Back to top button