เลิกฝันหวานเสียที!

*จริงๆ เดี๊ยนไม่อยากดับฝันของนักลงทุนรายย่อยที่กำลังละเมอเพ้อภพว่า สถานการณ์ทุกอย่างกำลังดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ในเมื่อเราอยู่กับความจริงอันโหดร้าย ก็ควรเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างทะลุปรุโปร่ง เพื่อทำให้ตัวเองเป็นผู้ชนะในการลงทุนตลอดเวลา เพราะรูปแบบของการเล่นในเที่ยวนี้ “มาเร็ว ไปเร็ว” ไม่มีรูปแบบของการวิ่งแรลลี่ให้เห็นกันอีกเลยนะจะบอกให้


เจาะกระดานหุ้น : โมนิก้าและทีมงาน

 

*จริงๆ เดี๊ยนไม่อยากดับฝันของนักลงทุนรายย่อยที่กำลังละเมอเพ้อภพว่า สถานการณ์ทุกอย่างกำลังดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ในเมื่อเราอยู่กับความจริงอันโหดร้าย ก็ควรเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างทะลุปรุโปร่ง เพื่อทำให้ตัวเองเป็นผู้ชนะในการลงทุนตลอดเวลา เพราะรูปแบบของการเล่นในเที่ยวนี้ “มาเร็ว ไปเร็ว” ไม่มีรูปแบบของการวิ่งแรลลี่ให้เห็นกันอีกเลยนะจะบอกให้

*โดยเฉพาะในมุมของการเหวี่ยงตัวไปมาของดัชนีเที่ยวนี้ ทำให้ผู้เล่นหลายรายเริ่มสำเหนียกมากขึ้นว่า หากมีโอกาสเทขายหุ้นทำกำไร ก็ควรรีบเทขายตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะหุ้นแกนหลักติดแนวต้านสำคัญเหมือนกันทุกราย “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นดัชนีทำท่าจะไปได้สวยในช่วงเปิดตลาด แต่สุดท้ายกลับรูดลงไม่เป็นท่าในช่วงปิดตลาด เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดว่า หยุดฝันหวานกันสักทีเถอะค่ะ

*ขนาดวานนี้มีแรงซื้อเข้ามาดันดัชนีขึ้นไปยืนที่ 1,583.78 จุด หลังจากนั้นกลับมีแรงเทขายไหลออกมาเรื่อยๆ จนดัชนีลงมายืนอยู่ที่ 1,574.42 จุด ลบไป 1.49  จุด ด้วยมูลค่า 3.14 หมื่นล้านบาท มันเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้รู้ว่า ผู้เล่นรายใหญ่ก็ไม่พร้อมจะถือหุ้นนานๆ ยิ่งจังหวะนี้เป็นช่วงประกาศงบไตรมาส 1 ยิ่งทำให้หุ้นเผชิญกับเหตุการณ์ sell on fact มากขึ้นเท่านั้นเจ้าค่ะ

*ตัวอย่างดังกล่าวดูได้จากหุ้น TMB ถูกถล่มอย่างหนักตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะลงเอ่ยที่ระดับ 2.32 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 4.90% ด้วยมูลค่า 920 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นผลพวงที่มาจากกำไรไตรมาส 1 ปี 60 ทรงตัวเท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ที่อาการหนักกว่าตรงที่มีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะ ทุกคนเลยเกิดอาการจิตตกกันถ้วนหน้าไงหละค่ะ

*คล้ายคลึงกับกรณีของ BLAND อุตส่าห์ฟอร์มตัวเพื่อยกฐานใหม่สูงขึ้นกว่าเดิม สุดท้ายกลับโดนเทขายเป็นระยะ จนราคาหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 1.85 บาท ลบไป 0.01 บาท ด้วยมูลค่า 146 ล้านบาท พร้อมกับส่ออาการจะหลุดแนวรับ 1.80 บาทรอมร่อแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องทำปรับรูปแบบการเล่นอย่างเร่งด่วน และต้องคิดเผื่อว่า หากหลุดแนวรับลงไปตั้งต้น 1.75 บาท หากไม่หลุดแนวรับเด้งกลับไป 1.90 บาท เดี๊ยนถึงถามว่าวันนี้จะเอาอย่างไร?

*เช่นเดียวกับในรายของ KWG ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง 4 วันติด พร้อมกับให้รีเทิร์น 100% สำหรับคนที่ถือหุ้นไว้ตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของเกมหุ้นที่มีพวกขาใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงไม่ต้องถามหาเหตุผลให้เสียเวลา เพราะสิ่งที่ควรรู้ในเวลานี้คือ หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.82 บาท บวกไป 0.94 บาท หรือขึ้นไป 24.20% ด้วยมูลค่า 640 ล้านบาท มันเป็นยอดเดิมที่เคยปั่นขึ้นมา ต่อจากนั้นถูกสาดหุ้นใส่อุตลุด จนหุ้นลงไปกองแถว 2.50 บาทนะจ๊ะ

*พูดถึงเรื่องความเชื่อผิดๆ ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอย้อนกลับมาดูหุ้นตัวแสบ GL สักนิดหนึ่งก็แล้วกัน เพราะพวกหน้าหมา..อุ๊ย..หน้าม้า ยังพยายามกุเรื่องความเสียของแมงเม่าในเที่ยวนี้มาจาก นสพ.ข่าวหุ้น เดี๊ยนมองเป็นเรื่องสุดแสนปัญญาอ่อนของกลุ่มคนที่ต้องการดิสเครดิต เพราะเมื่อเจาะเนื้อในของบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมันมีพิรุธหลายอย่าง โดยเฉพาะในส่วนของ บจ. คูการ์ แปซิฟิค โฮลดิ้งส์ มีทุนจดทะเบียนแค่ 5 แสนบาท แต่สามารถเอาหุ้น GL จำนวน  35 ล้านหุ้นมาเป็นหลักค้ำประกันได้..คำถามคือ มันไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อหุ้น? เพียงเท่านี้ก็เห็นกันแล้วว่า มันไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่เริ่มต้น การขึ้นมาปิดที่ 23.50 บาท บวกไป 0.30 บาท ด้วยมูลค่า 411 ล้านบาท ถึงไม่บริสุทธิ์ไปด้วยไงหละค่ะ

*ส่วนในรายของหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม ECL กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ทั้งที่เคยทำคนเจ็บตัวกันมากมาย “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล หรือต้องการเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม คงต้องย้อนกลับมาดูการเทรดบน P/E 80 เท่า แต่ราคาหุ้นยังเดินหน้าขึ้นมาปิดที่ 2.76 บาท บวกไป 0.28 บาท บวกไป 11.30% ด้วยมูลค่า 127 ล้านบาท มันเป็นภาพที่โอเวอร์แบบสุดๆ นะตัวเอง

*เช่นเดียวกับในรายของหุ้นวุ้นเส้น KASET  กระชากขึ้นมาปิดที่ 3.26 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 14% ด้วยมูลค่า 100 ล้านบาท มันเป็นพฤติกรรมเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งในรอบระยะเวลา 9 เดือน และถ้ารวมครั้งนี้เข้าไปอีก 1 ครั้ง ก็เป็นเรื่องที่สนุกสนานไปอีกแบบหนึ่ง แถมทุกครั้งหุ้นก็ทรุดตัวลงมาต่ำกว่า 3 บาทแบบนี้ ยังกล้าลุยกันอีกก็ตามสบายนะจะบอกให้

*สำหรับรายที่น่าสนใจสุดๆ “โมนิก้า” ขอแว๊บไปดูหุ้น ETE สักนิดหนึ่งก็แล้วกัน เพราะดูเหมือนจะมีแรงซื้อไหลเข้ามาเป็นระยะ บวกกับพวกตัวแสบเริ่มหมดฤทธิ์เดชไปทีละรายสองราย วันนี้ถึงเป็นการเซ็ตเกมขึ้นรอบใหม่อย่างช้าๆ และหากเป็นจริงอย่างที่คาดการณ์ การขึ้นมาปิด 4 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 120 ล้านบาทเป็นครั้งที่ 2 น่าจะมีอะไรดีๆ ตามมาอีกนะคะ

*ส่วนควันหลงที่พรายกระซิบรบเร้ามากเหลือเกินในเที่ยวนี้เป็นเรื่องของหุ้น AJD ซึ่งมีกลุ่มทุนจากประเทศจีนเข้ามาขอซื้อหุ้นบิ๊กล็อต จนป่านนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันมากเหลือเกินว่า จริงหรือเปล่า? หากเป็นจริงเหมือนที่แมงลือเม้าท์กันให้แซ่ด ย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ วันนี้ถึงต้องจับตาดูว่า จะมีการเปิดเผยข่าวชิ้นสำคัญเหมือนที่ร่ำลือกันอ่ะป่าว..อิอิอิ

Back to top button