ผงะGLปล่อยกู้ลูกหนี้ซื้อหุ้นตัวเอง พบเจ้าหนี้-ลูกหนี้อยู่บ้านเดียวกัน

ปูดพฤติกรรม GL โยกเงินให้ GLH ปล่อยกู้ลูกหนี้กลับมาซื้อหุ้นตัวเอง ผงะ! พบที่ตั้งเจ้าหนี้-ลูกหนี้อยู่รวมกัน อัดแน่นสำนักงานกฎหมายดังตึก UOB Plaza1 กลางเมืองลอดช่อง ฟาก “ซีอีโอ” J Trust สับขาวุ่น อ้างเฉยปล่อยกู้มาซื้อหุ้น “เป็นเรื่องยกเมฆ” ผู้สื่อข่าวมึนหุ้นโผล่มาจากไหน? ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีถือสักหุ้น


สืบเนื่องจากกรณี นายโนบูโยชิ ฟูจิซาวะ (Nobuyoshi Fujisawa) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท J Trust Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าหนี้รายใหญ่ของ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL แถลงข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2560 เกี่ยวกับการปรับลดประมาณการผลการดำเนินงานงวดปี 2560 ที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา

โดยมีการพูดถึงประเด็นเรื่อง บริษัท Group Lease Holdings หรือ GLH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ในประเทศสิงคโปร์ได้ขยายวงเงินกู้อย่างผิดกฎหมายให้กับกลุ่มลูกหนี้เพื่อนำเงินมาซื้อหุ้นสามัญ GL เพื่อผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น นั้นเป็นเรื่องไม่จริง อีกทั้งการที่บริษัทย่อยยอมรับหุ้นสามัญข้างต้นมาเป็นหลักประกันเงินกู้ นั้นถือเป็นเรื่องปกติสำหรับธุรกิจปล่อยกู้อยู่แล้ว

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลจาก “รายละเอียดเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับและการขยายระยะเวลาชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยค้างรับ” ซึ่งเป็นเอกสารแนบท้ายประกอบการชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นข้อสังเกตของผู้สอบบัญชีกรณีเงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับ ฉบับแก้ไข ครั้งที่ 4 ที่มีการเปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2560

โดยพบว่า มีรายชื่อหนึ่งในลูกหนี้กลุ่มสิงคโปร์ของ GLH ซึ่งเป็น “ผู้กู้ร่วม” จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท Cougar Pacific Pte. Ltd. บริษัท Kuga Reflorestamento Ltda. และ นาย Tep Rithivit ปรากฏเป็นผู้ทำสัญญาการขอสินเชื่อครั้งแรก เมื่อวันที่ 11พ.ค. 2558 จำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีระยะเวลากู้ยืม 3 ปี และคิดอัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี

ทั้งนี้ หลักประกันเงินกู้สำหรับสัญญาดังกล่าว คือ ที่ดินในประเทศบราซิลที่มีมูลค่าประเมิน 30.10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไม่ปรากฏพบว่ามีการนำหุ้นสามัญ GL หรือหลักทรัพย์อื่นๆ มาร่วมเป็นหลักประกันด้วย ขณะที่ผลการตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นจากการปิดสมุดทะเบียนครั้งสุดท้ายก่อนหน้าการทำสัญญาคือ วันที่ 30 มี.ค. 2558 หรือครั้งแรกหลังการทำสัญญาคือ วันที่ 12 พ.ค. 2558 ไม่ได้ปรากฏพบรายชื่อของผู้กู้ร่วมทั้ง 3 รายเป็นผู้ถือหุ้นก่อนหน้าหรือหลังจากนั้นแต่อย่างใด

โดยต่อมา ผู้สื่อข่าวพบว่า ในวันที่ 9 ก.ค. 2558 ได้ปรากฏรายชื่อผู้กู้ร่วมกลุ่มเดียวกันนี้เป็นผู้ทำสัญญาขอเงินกู้เป็นครั้งที่ 2 อีกจำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ ระยะเวลากู้ยืม 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 17% ต่อปี แต่ครั้งนี้มีการระบุรายละเอียดของหลักประกันเงินกู้ คือ หุ้นสามัญ GL จำนวน 35 ล้านหุ้น ซึ่งนั่นหมายถึงผู้กู้มีการเข้าถือครองหุ้น GL เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ดี ในการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นครั้งถัดมา คือ วันที่ 31 มี.ค. 2559 มีชื่อของ บริษัท คูการ์ แปซิฟิค โฮลดิ้งส์ จำกัด เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สูงสุดอันดับ 9 และอันดับ 15 จากทั้งหมด 17 ราย โดยถือครองหุ้นทั้งหมด จำนวน 30 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนของจำนวนหุ้นทั้งหมด 1.97% และ 10.72 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 0.70% ตามลำดับ

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้กู้ร่วมทั้ง 3 รายได้นำเงินจากการทำสัญญากู้ครั้งแรกจำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐไปซื้อหุ้นสามัญ GL หลังวันที่ 11 พ.ค. 2558 (กู้ครั้งที่ 1) และก่อนหน้าวันที่ 9 ก.ค. 2558 (กู้ครั้งที่ 2) ในนามของคูการ์ แปซิฟิค โฮลดิ้งส์ ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ เนื่องจากรายงานก่อนหน้านี้สามารถยืนยันได้ว่าผู้กู้ไม่เคยถือครองหุ้นสามัญ GL มาก่อนหน้านั้นเลย

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกับเงินบาท ณ วันที่ 11 พ.ค. 2558 ซึ่งเป็นวันที่มีการทำสัญญาเงินกู้เกิดขึ้นครั้งที่ 1 ประกอบกับความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น GL ในช่วงระหว่างวันดังกล่าวจนถึงวันที่มีการทำสัญญาเงินกู้ครั้งที่ 2 พบว่า จำนวนเงินที่ผู้กู้ได้รับไปครั้งแรกสามารถซื้อหุ้นสามัญ GL ได้ราว 33.82-55.07 ล้านหุ้น (เทียบจากราคาสูงสุด-ต่ำสุด)

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการทำสัญญาเงินกู้เป็นครั้งที่ 3 เกิดขึ้นในวันที่ 21 ส.ค. 2558 เป็นจำนวน 10.01 ล้านเหรียญสหรัฐ ระยะเวลากู้ยืม 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 14.5% ต่อปี โดยครั้งนี้ มีการนำเอาหุ้นสามัญ GL มาเป็นหลักประกันเงินกู้อีกครั้ง จำนวน 30 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตเช่นเดียวกันว่า มีการนำเงินจากการกู้ครั้งก่อนหน้าไปซื้อหุ้นเพิ่มเติมเพื่อนำมาเป็นหลักประกันในสัญญาเงินกู้ครั้งใหม่นี้ด้วยหรือไม่ (จำนวนหุ้นที่นำมาเป็นหลักประกัน 2 ครั้ง = 65 ล้านหุ้น)

อนึ่งก่อนหน้านี้ มีการตรวจสอบพบว่า Cougar Pacific Pte., Ltd. หนึ่งในผู้กู้ร่วมจากทั้งหมด 3 ราย จดทะเบียนจัดตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ที่อยู่เลขที่ 80 Raffles Place #32-01 UOB Plaza1 ซึ่งเลขที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของบริษัทที่ปรึกษากฎหมายชื่อ Dentons Rodyk & Davidson LLP. เฉกเช่นเดียวกันกับ GLH หรือบริษัทผู้ให้กู้ซึ่งจดทะเบียนอยู่ภายในบริษัทกฎหมายที่เดียวกันแห่งนี้

 

Back to top button