SAWAD ลุ้นกำไร Q1 ทุบสถิติใหม่ทะลุ 600 ลบ. รับสินเชื่อโตกระฉูด

SAWAD ลุ้นกำไร Q1 ทุบสถิติใหม่แตะ 600 ลบ. รับสินเชื่อโตกระฉูด พร้อมลุยขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ฟากโบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" ชูอัพไซต์เพียบ


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ ซึ่งจะเป็นกลุ่มถัดไปที่จะเริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 หลังจากที่กลุ่มธนาคารส่วนใหญ่ทำการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 ออกมาแล้ว โดยพบว่าบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เป็นอีกหนึ่งบจ.ที่มีแนวโน้มว่าผลการดำเนินงานงวดดังกล่าวจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

โดยนักวิเคราะห์มองว่าในไตรมาส 1/60 SAWAD จะมีกำไรสุทธิ 610 ล้านบาท โต 45.2% ซึ่งเป็นการสร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตอย่างโดดเด่น ตามการขยายสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมคาดจะเติบโตอย่างสดใส จากจำนวนธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านประชาชนหันมาใช้บริการจากกลุ่ม Non-Bank มากขึ้น หลังธนาคารส่วนใหญ่เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยกู้

ด้านราคาหุ้นปิดตลาดวานนี้ (20 เม.ย.60) อยู่ที่ 44.00 บาท ปรับขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.33% มูลค่าการซื้อขาย 170.36 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซต์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 57 บาท อยู่ 29.55%

 

โดยนางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ SAWAD เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะขยายสาขาเพิ่มเป็น 2,400 สาขา จากปัจจุบันที่มีจำนวนประมาณ 2,100 สาขา

ด้านนางสาวธิดา แก้วบุตตา กรรมการ SAWAD เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการนำเสนอข้อมูลการลงทุน (โรดโชว์) กับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หลังจากที่บริษัทเข้าไปซื้อกิจการบริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT โดยตั้งแต่ต้นปีได้เดินทางไปพบกองทุนที่สิงคโปร์ และฮ่องกงกับ บล.แมคควอรี แล้วกว่า 40 กองทุน ซึ่งมีทั้งกองทุนที่ถือหุ้นอยู่แล้วและที่ยังไม่ได้ถือหุ้น

“กองทุนส่วนใหญ่ต่างก็เชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของ SAWAD และมองว่าการที่บริษัทเข้าไปซื้อ BFIT จะช่วยต่อยอดการทำธุรกิจของSAWAD ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น รวมทั้งมีเสถียรภาพทางด้านเงินทุน ขณะที่ธุรกิจหลักการปล่อยสินเชื่อของบริษัทก็ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นางสาวธิดา กล่าว

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เออีซี แนะนำ “ซื้อ” SAWAD ราคาเป้าหมาย 57 บาท/หุ้น โดยคาดช่วงไตรมาส 1/60 SAWAD จะมีกำไรสุทธิ 610 ล้านบาท โต 45.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  สร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง หลังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิคาดโต 44.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยแม้คาด NIM มีโอกาสจะปรับลงเป็น 24.7% จาก 25.4% ในช่วงไตรมาส 1/59 จากผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่คาดปรับลง ตามการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรม แต่น่าจะสามารถชดเชยได้ด้วยพอร์ตลูกหนี้ที่โตเด่น 41.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งช่วงที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยกู้ ทำให้ผู้ต้องการกู้ยืมเงินด่วนหันมาใช้บริการจากกลุ่ม Non-Bank มากขึ้น ซึ่งรายได้ค่าธรรมเนียมคาดโต 25.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากจำนวนธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น ตามพอร์ตลูกหนี้ที่ขยายตัว และ Cost to Income Ratio คาดยังทรงตัวที่ 46% ใกล้เคียงช่วงไตรมาส 1/59 โดยแม้จะมีค่าใช้จ่ายจากการเพิ่มพนักงานเพื่อรองรับสาขาใหม่ๆ แต่คาดจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ากว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 60 ที่ผ่านมา SAWAD รายงานการซื้อหุ้น BFIT จำนวน 53 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.51% ของทุนชำระแล้ว ซึ่งเมื่อรวมกับที่ถืออยู่เดิม 9.84% จึงทำให้ SAWAD กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และมีอำนาจควบคุมใน BFIT ด้วยสัดส่วนถือหุ้น 36.35%

ซึ่งฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อดีลนี้เพราะ BFIT อยู่ใต้การกำกับดูแลของธปท. ทำให้ SAWAD จะได้ประโยชน์จากภาพลักษณ์และเครดิตที่ดีขึ้น หนุนให้การขยายธุรกิจในต่างประเทศทำได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าสินเชื่อกลุ่มใหม่ๆ ที่เป็นฐานลูกหนี้ของ BFIT หนุนให้คาดพอร์ตลูกหนี้โตดีกว่าสมมติฐานเดิม

โดยคาดปีนี้ SAWAD จะรับรู้กำไรจากรวมงบกับ BFIT ราว 44 ล้านบาท จากกำไรของ BFIT ในปี 2560 ที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ 162 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในประมาณการเดิม (ล่าสุด SAWAD แจ้งผลเสนอซื้อ BFIT จากรายย่อยอื่น พบว่ามีผู้ขายเพียง 86 หุ้น ซึ่งไม่มีนัยฯ และจะหมดเวลาเสนอซื้อในวันที่ 24 เม.ย.นี้)

ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงขอปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2560 เฉลี่ยปีละ 3.3% โดยภายใต้ประมาณการใหม่ฝ่ายวิจัยคาด SAWAD จะมีกำไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาท โต 25.7% จากปีก่อน และโตต่อ 23.4% จากปีก่อนในปี 2561 หนุนด้วยการขยายตัวของสินเชื่อที่สดใส พร้อมแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,400 สาขา

 

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ ซื้อ” SAWAD ราคาเป้าหมาย 56 บาท/หุ้น โดยคาดจะสามารถมีกำไรเติบโตได้ดีในอีกหลายปีข้างหน้า จากสินเชื่อที่เติบโตสูง จากการเข้าไปสู่ตลาดที่ธนาคารเข้าไม่ถึง

ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มสูงขึ้น และการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี รวมไปถึงสัดส่วน D/E ที่ต่ำ 2.4 เท่า จึงคาดว่าบริษัทสามารถขยายฐานทุนได้อีกมากโดยไม่ต้องเพิ่มทุน

นอกจากนี้การที่บริษัทเข้าไปซื้อ BFIT จะช่วยให้บริษัทเติบโตได้ดีในช่วง ครึ่งหลังของปีนี้-ปี 2561 จากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ต้นทุนถูกกว่า

Back to top button