พักตัวเพื่อขึ้นโมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นเหมือนกับที่ “โมนิก้า” คาดคิดไว้ว่า ดัชนียังขยับเขยื้อนไปไหนได้ไม่ไกล แรงเทขายยังพุ่งเป้าไปที่หุ้นบลูชิพ ปัจจัยบวกยังมีเข้ามาแบบหรอมแหรม ฝรั่งตาน้ำข้าวเริ่มเทขายหุ้นรอบใหม่ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่ทำให้ดัชนีต้องพักฐานเพื่อรอเวลาทะยานกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,600 จุดในไม่ช้า มันเป็นเรื่องที่ทุกคนรับรู้มาระยะหนึ่งแล้วนะคะ


*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นเหมือนกับที่ “โมนิก้า” คาดคิดไว้ว่า ดัชนียังขยับเขยื้อนไปไหนได้ไม่ไกล แรงเทขายยังพุ่งเป้าไปที่หุ้นบลูชิพ ปัจจัยบวกยังมีเข้ามาแบบหรอมแหรม ฝรั่งตาน้ำข้าวเริ่มเทขายหุ้นรอบใหม่ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่ทำให้ดัชนีต้องพักฐานเพื่อรอเวลาทะยานกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,600 จุดในไม่ช้า มันเป็นเรื่องที่ทุกคนรับรู้มาระยะหนึ่งแล้วนะคะ

*วันนี้คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความอีกต่อไป เพราะรูปแบบการเล่นในเที่ยวนี้เป็นแบบ “เข้าก่อน ออกก่อน” น้องโมถึงไม่ค่อยวอรี่กับการอ่อนตัวของหุ้นบางตัว เพราะท้ายที่สุดราคาหุ้นจะเด้งกลับขึ้นไปหาจุดเหมาะสม โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเตรียมพร้อมสำหรับการตะลุยรอบใหม่ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้เจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,566.84  จุด ลบไป 4.96 จุด ด้วยมูลค่า  5 หมื่นล้านบาท ยังไม่ใช่จังหวะหน้าสิ่วหน้าขวาน เพราะกรอบด้านล่างของเที่ยวนี้อยู่ที่ 1,564 จุด จึงเหลือแก๊ปให้หุ้นย่อตัวอีกนิดหน่อย และถ้ามองกรอบดังกล่าวให้ดีจะเห็นว่า กรอบแนวรับมีการยกตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง “โมนิก้า” ถึงมองเป็นจังหวะของการตะลุมบอลรอบใหม่ไงล่ะตัวเอง

*ส่วนที่น่าเบื่อหน่าย และน่ากังวลสุด “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่เรื่องของ สตง. เริ่มแสดงอากัปกิริยาแบะท่าให้กับหน่วยงานสีเทาอย่าง ขสมก. ในการเซ็นรับรถเมล์ NGV เจ้าปัญหาที่สังคมกำลังเคลือบแคลงสงสัยนั้น มันทำให้ผู้คนในหลากหลายวงการรู้สึกแปลกใจไม่ใช่น้อย เพราะเคยเห็นหน่วยงานแห่งนี้ทำตัวตรงเป็นไม้บรรทัดมาตลอด เหตุไฉนถึงเกิดอาการใจอ่อนให้กับ บ.เบสท์ริน กรุ๊ป ได้ล่ะท่าน

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ผู้คนมากมายตามหา ป๋าสุรชัย ซึ่งนั่งกินตำแหน่ง ผอ.ขสมก. กันให้ขวักไขว่ เพราะจะได้สอบถามถึงมูลเหตุของเรื่องดังกล่าวกันชัดๆ อีกสักรอบ แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครพบเห็นตัวท่านอีกเลยแบบนี้..ผู้คนในตลาดหุ้นเขาฝาก “โมนิก้า” มาบอกกับท่านว่า เลิกทำตัวเป็นตัวตุ่นมุดดินสักทีเถอะ!  เพราะการไปโผล่ที่นั่น..ที่นี่ มันไม่ช่วยอะไรท่านได้หรอกค่ะ

*เนื่องจากคนทั้งประเทศอยากรู้ว่า  ขสมก.จะชี้แจงเหตุผลในการแก้ไขสัญญากับ สตง. อย่างไร? ขณะเดียวกัน สตง.จะยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไหม? หรือแม้กระทั่งลุงตู่จะแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้เป็นแบบไหน? “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องเหล่านี้จะเป็นตัวชี้นำสังคมว่า “ปราบโกง” มันมีอยู่จริงไหม? หรือเป็นเพียงวาทกรรมโก้หรูที่พยายามทำให้ตัวเองดูดีกว่าฝ่ายตรงกันข้ามเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องนี้พาลให้นึกถึงเหตุการณ์ของหุ้น EFORL กำลังเปิดศึกฟ้องร้องกับ บลจ.โซลาริส ในข้อหาทำให้เสียชื่อเสียง จนหลายคนมองบริษัทเสริมความงามเป็นเด็ก เลี้ยงแพะ..อุ๊ย..เลี้ยงแกะ ย่อมเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ผู้คนในตลาดหุ้นขอเผือกกันอย่างถ้วนหน้า เพราะทุกคนอยากรู้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบไหน? วันนี้ถึงต้องจับตาดูสถานการณ์ของพวกกองทุนรวมทั้งระบบเสียศูนย์ไปขนาดไหน? หลังมีแต่เรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงเกิดขึ้นตลอดเวลานะซี

*เช่นเดียวกับกรณีพิพาทผู้บริหารระดับสูงของ IFEC ระหว่าง “เสี่ยอ๋า” กับ “หมอวิชัย” ซึ่งยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 2 เดือนนั้น ขอบอกตามตรงว่า ทีทับไม่ร้อง..ทีท้องให้รับ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยมากในตลาดหุ้นไทย  “โมนิก้า” ถึงไม่มีความจำเป็นต้องมาช่วยอธิบายเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เพราะแต่ละฝั่งก็สาดโคลนใส่กันอย่างเมามัน ซึ่งทำให้เรื่องดังกล่าวต้องเดินไปสู่การฟ้องร้องที่ยาวเป็นห่างว่าว ส่วนหุ้นก็ติดเครื่องหมาย SP ยาวเช่นกันเจ้าค่ะ

*ย้อนกลับมาดูหุ้นแจ่มๆ กันบ้างดีกว่า และตัวที่น่ามองสุดในเที่ยวนี้กลายเป็น TFG หลังทะยานขึ้นมายืนอยู่ที่ 7.10 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2.20% ด้วยมูลค่า 490 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นแรงวันแรกอย่างเป็นทางการ แถมยังพักฐานที่บริเวณแนวรับ 7 บาทเป็นเวลาเดือนกว่า “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นจังหวะของการเล่น follow buy มากกว่าประเด็นอื่นๆ เพราะเที่ยวก่อนเคยขึ้นไปถึง 7.80 บาทนะซี

*ส่วนหุ้นที่มีลักษณะเดียวกัน แต่แรงแบบทิ้งไม่เห็นฝุ่น “โมนิก้า” คงต้องโฟกัสไปที่ SYNEX เป็นลำดับแรกก่อนใครเพื่อน และถ้าย้อนกลับไปดูการขยับตัวในช่วงเดือนกว่าๆ จะเห็นว่า หุ้นขึ้นแรงกว่า 10% แล้วย่อตัวลงมาพักประมาณสัปดาห์ ต่อจากนั้นเด้งกลับขึ้นไปใหม่ พร้อมกับยกฐานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ  แต่รอบนี้กลับวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9.75 บาท บวกไป 1.85 บาท หรือขึ้นไป 23.50% ด้วยมูลค่า 470 ล้านบาท มันเป็นเกมเสี่ยงที่ต้องกำหนดจังหวะในการเคาะให้ดีนะคะ

*เหมือนกับคนที่เข้ามาเคาะขวาหุ้น KOOL อย่างเมามัน จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.40 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 14.30%  ด้วยมูลค่า 330 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นแพทเทิร์นเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือน ส.ค. 59 ซึ่งตอนนั้นก็วิ่งขึ้นจากระดับ 5.40 บาท พุ่งขึ้นไปถึงระดับ 7 บาท ต่อจากนั้นรูดลงมาอยู่ที่ฐานเดิม วันนี้ถึงต้องถามใจผู้เล่นว่า กล้าตามไปดูไหม?

Back to top button