แกว่งตัวลงโมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทย ณ เวลานี้เป็นอะไรที่ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” ล้วนมาจากปัจจัยใหม่ๆ ไม่มีเข้ามาเลย ส่งผลให้การขยับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,600 จุดกลายเป็นเรื่องยากในทันที ผสมผสานกับตัวเลขผลประกอบการก็ไม่โดนใจสักเท่าไหร่ ส่งผลให้ผู้เล่นแกนหลักเลือกใช้วิธีถอยลงไปรับของลึกๆ ดัชนีถึงมีลักษณะแกว่งตัวลงไงล่ะค่ะ


*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทย ณ เวลานี้เป็นอะไรที่ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” ล้วนมาจากปัจจัยใหม่ๆ ไม่มีเข้ามาเลย ส่งผลให้การขยับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,600 จุดกลายเป็นเรื่องยากในทันที ผสมผสานกับตัวเลขผลประกอบการก็ไม่โดนใจสักเท่าไหร่ ส่งผลให้ผู้เล่นแกนหลักเลือกใช้วิธีถอยลงไปรับของลึกๆ ดัชนีถึงมีลักษณะแกว่งตัวลงไงล่ะค่ะ

*ขนาดวานนี้นักลงทุนสถาบันเข้าไปซื้อหุ้นกว่า 650 ล้านบาท ฝรั่งตาน้ำข้าวซื้อหุ้นแบบเสียมิได้อีก 76 ล้านบาท  ขณะที่แมงเม่าโยนหุ้นออกมา 650 ล้านบาท ส่วนปอบผีฟ้าขายหุ้นออกมา 80 ล้านบาท แต่ดัชนีกลับอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,567.32 จุด ลบไป 4.72 จุด ด้วยมูลค่า 4.71 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นภาพที่ฟ้องด้วยตัวมันเอง ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากมายอีกแล้วพะยะค่ะ

*ไปๆ มาๆ ในที่สุดก็เฉลยกันสักทีว่า สาเหตุที่ทำให้แม่ลูก UKEM กับน้องกิ๊ฟ GIFT กอดคอกันแหววมาพักใหญ่ๆ มันมาจากดีลกองทุนเข้ามากว้านซื้อหุ้น หลังจากเห็นศักยภาพของน้องกิ๊ฟมีโอกาสเติบโตได้อีกเยอะ จึงยื่นข้อเสนอเข้าถือหุ้นลูกจำนวน 10 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 4.50 บาท งานนี้เลยทำให้แม่ได้รับกำไรจากการแบ่งขายหุ้นในทันที ส่วนตัวลูกก็อัพแวลูขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนะจ๊ะ

*หลายคนสงสัยว่า ทำไมน้องโมถึงกล้าออกตัวแรงแซงทางโค้ง “โมนิก้า” ขอตอบว่า ในตลาดเคยมีหุ้นที่กองทุนเทมเพิลตันเข้ามาเก็บแล้วรุ่งทุกราย เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่หุ้นแม่วิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.02 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 6.30% ด้วยมูลค่า 170 ล้านบาท ส่วนหุ้นลูกก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน กระชากขึ้นมาปิดที่ 6.10 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 12% ด้วยมูลค่า 110 ล้านบาท  มันหมายความว่า ได้หมด..ถ้าสดชื่น อิอิอิ

*เหมือนกับในรายของ ALT หลังจากโดนถล่มเทขายอย่างหนักหน่วง ล่าสุดเด้งขึ้นมาปิดที่ 9 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่า 83 ล้านบาท “โมนิก้า” ตีโจทย์ได้ 2 แบบคือ เด้งเพื่อลง กับ เด้งเพื่อขึ้น โดยน้ำหนักความน่าจะเป็นพุ่งเป้าไปอย่างหลังมากกว่า เพราะวันก่อนหุ้นยืนระยะตรงบริเวณแนวรับได้อย่างแข็งแกร่ง จึงเป็นจังหวะของการไหลตามน้ำไปโดปริยายนะคะ

*ส่วนที่อาการโคม่าสุดๆ กลายเป็น FN โดนกระทำชำเราอย่างหนักหน่วง 3 วันซ้อน จนหุ้นเสียทรงชนิดที่กู่ไม่กลับ “โมนิก้า” ขอสันนิษฐานว่า น่าจะมีรายการเอ็กซิเดนต์อะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ ยิ่งต้นสัปดาห์หุ้นยืนแถว 8.20 บาทแบบขาแข้งสั่น ล่าสุดหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 7.15 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 5.90%  ด้วยมูลค่า 69 ล้านบาท มันหมายความว่า ไม่มีคนอยากถือหุ้นแบบนี้wait & see ก่อนเลยจ้า

*สำหรับรายที่อยู่ในสถานการณ์ overvalue คงไม่มีใครเกินหน้าไปกว่า STA ซึ่งผู้รู้หลายท่านคอนเฟิร์มตรงกันว่า ราคาหุ้นไม่ควรอยู่สูงเกินกว่า 20 บาท ส่งผลให้คนที่เข้าไปซื้อหุ้นตรงยอด 28 บาทเกิดอาการกระอักกระอ่วนใจอย่างหนัก เพราะไซเคิลของหุ้นโค้งตัวลงลูกเดียว บวกกับวานนี้หุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 20.30 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 6.90% ด้วยมูลค่า 610 ล้านบาท เลยเป็นเรื่องเศร้าสำหรับคนที่ปล่อยของไม่ทันนะจ๊ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องเศร้าขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอหันไปดู TMB สักนิดหนึ่งดีกว่า หลังโดนถล่มเทขายแบบไม่ทันตั้งตัว จนหุ้นรูดลงมาปิดที่ 2.38 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 4.80%  ด้วยมูลค่า 516 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้กำลังตั้งลำขึ้นอย่างสวยงาม มันเป็นอีกหนึ่งเกมโหดที่นักเล่นต้องรีบกระโจนหนีในทันที หากวันนี้ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมนะจะบอกให้

*ประเด็นดังกล่าวเป็นช็อตต่อเนื่องกับหุ้นร้อนอย่าง ETE โดยพื้นฐานถือว่าไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล เพราะธุรกิจเอ้าท์ซอร์สยังไปได้สวย ธุรกิจไฟฟ้าไปได้ดี รายได้และกำไรในปี 60 น่าจะแจ่มสุดๆ แต่วันนี้ดันมาสะดุดตรงที่ขาใหญ่หักเหลี่ยมกันเองแบบนี้ “โมนิก้า” อยากจะจับมาเขกกบาลเหลือเกิน เพราะทำให้หุ้นที่มาทรงดีๆ กลายเป็นหุ้นทรงแย่ๆ วานนี้ถึงเป็นอีกหนึ่งวันที่หุ้นลงมาปิด 4.28 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 2.70% ด้วยมูลค่า 98 ล้านบาทไงล่ะค่ะ

*ส่วนหุ้นที่พยายามเซ็ทเกมบุกรอบใหม่อย่าง TRC ยังคงเป็นทีเด็ดสำหรับการเล่นสั้นๆ เพราะถ้าดูตามขั้นตอนที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ เหมือนทุกอย่างค่อนข้างเป็นใจให้เหลือเกิน “โมนิก้า” ถึงต้องถามกับผู้เล่นว่า วันนี้กล้าซื้ออนาคตกันไหม? หากคิดว่า “ใช่” ราคาปิดที่ระดับ 1.70 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่า 130 ล้านบาท มันไม่แพงหรอกตัวเอง

*สำหรับในรายของ NOK  ถือเป็นสถานการณ์ที่ประหลาดพอสมควร เพราะหายหน้าหายตาไปจากสารบบค่อนข้างนาน จู่ๆ ดันขึ้นมาติดในกระดาน most gainer พร้อมกับขึ้นมาปิดที่ 8.30 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 7.80%  ด้วยมูลค่า 172 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของคนชอบเสี่ยงมากกว่าประเด็นอื่น เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยวิ่งขึ้นแรงๆ สุดท้ายก็ลงมานอนแอ้งแม้งที่ 7.50 บาทเจ้าค่ะ

*ตบท้ายกันที่หุ้นน้องใหม่อย่าง รพ.ราชพฤกษ์ หรือRPH  ซึ่งกำลังจะลงสนามเทรดในวันที่ 27 ก.พ. “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งช็อตเด็ดสำรับคนที่ชอบลงทุนยาวๆ แถมตัวนี้เป็นฝีมือการทำคลอดจากค่าย บล.ธนชาต เดี๊ยนถึงเชื่อเหลือเกินว่า อนาคตไกล! เพราะเคยฝากผลงานเกี่ยวกับหุ้นโรงหมอไว้เยอะพอสมควร บวกกับหุ้นที่เคยผ่านมือการเงินเจ้านี้ มักทำให้แมงเม่าเกิดอาการแฮปปี้สุดๆ น่าจะเตรียมเคาะขวารัวๆ ได้เลยจ้า

Back to top button