แล้วไงต่อ?โมนิก้าและทีมงาน

*หากดูคำอธิบายเกี่ยวกับการทะยานขึ้นของดัชนี หรือคำอธิบายเกี่ยวกับการอ่อนตัวลงหนักของดัชนี กูรูส่วนใหญ่ยังให้น้ำหนักไปที่เรื่องสัญญาณเทคนิคเป็นหลัก รองลงมาเป็นเรื่องข่าวสารที่เข้ามากระทบในแต่ละวัน วานนี้ถึงมีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่ใช้อธิบายการดิ่งตัวลงแรง และหนึ่งในคำชี้แจงที่ฟังจนหูชาก็คือ กองทุนขายหุ้นเพื่อปรับพอร์ตให้คล่องตัวขึ้นกว่าเดิมไงหละคะ


 *หากดูคำอธิบายเกี่ยวกับการทะยานขึ้นของดัชนี หรือคำอธิบายเกี่ยวกับการอ่อนตัวลงหนักของดัชนี กูรูส่วนใหญ่ยังให้น้ำหนักไปที่เรื่องสัญญาณเทคนิคเป็นหลัก รองลงมาเป็นเรื่องข่าวสารที่เข้ามากระทบในแต่ละวัน วานนี้ถึงมีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่ใช้อธิบายการดิ่งตัวลงแรง และหนึ่งในคำชี้แจงที่ฟังจนหูชาก็คือ กองทุนขายหุ้นเพื่อปรับพอร์ตให้คล่องตัวขึ้นกว่าเดิมไงหละคะ

*งานนี้ถือเป็นเรื่องเก่าที่ฟังกันจนเอียน และเห็นกันจนเบื่อเสียแล้ว เพราะเป็นข้อมูลที่ใช้อ้างอิงดัชนีเป็นประจำ เมื่อนำมารวมกับยอดขายของกองทุนที่โผล่มาให้เห็น 1.70 พันล้านบาท และฝรั่งตาน้ำข้าวสาดออกมาอีก 1.80 พันล้านบาท ส่วนกลุ่มผู้เล่นที่เหลือรับหุ้นเข้าพอร์ตเต็มๆ โดยที่ดัชนีลงมาปิดที่ 1,544.84 จุด ลบไป 7.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาท เท่ากับเป็นการตอกย้ำความเชื่อดังกล่าวอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูนะจะบอกให้

*สิ่งที่ต้องคิดตามมาก็คือ เมื่อดัชนีหลุดแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาลงมาอย่างง่ายดาย หลังจากนี้ดัชนีจะเสียศูนย์แบบกู่ไม่กลับหรือเปล่า? และดัชนีมีความเป็นไปได้ที่จะลงไปตั้งหลักปักฐานที่บริเวณ 1,520-1,500 จุดมากน้อยขนาดไหน? เหล่านี้เป็นคำถามเบื้องต้นที่ “โมนิก้า” ได้ยินบ่อยมากเมื่อวานนี้ และน่าจะได้ยินต่อไปอีกพักหนึ่ง ก่อนจะซ่าหายไปเมื่อดัชนีเริ่มวิ่งไปในทางหนึ่งทางใดเจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” ถึงต้องย้ำกับแฟนคลับเป็นประจำว่า การลงทุนในปีนี้จะหินสุดๆ หลังกองทุนหันมาเล่นสั้นๆ จนน่าใจหาย บวกกับข่าวสารในต่างประเทศมีแต่ปัจจัยลบ ผู้เล่นถึงต้องกำหนดโพซิชั่นของตนเองให้ชัดเจน เพราะเดี๊ยนไม่รู้เหมือนว่า จุดเด้งกลับบริเวณแรกแถว 1,540 จุดจะเอาอยู่ไหม? ซึ่งเป็นผลมาจากวงรอบใหญ่ยังอยู่ที่แนวรับ 1,500 จุดนะซี

*ที่สำคัญคือ หากดูวงรอบใหญ่ของหุ้นจะเห็นว่า ภาพรายวันอยู่ในลักษณะ side way down ขณะที่ภาพลงทุนรายสัปดาห์เป็นลักษณะ side way หรือถ้าดูภาพการเคลื่อนตัวเป็นรายปีจะอยู่ในลักษณะทำ double top ซึ่งอาจไปต่อยาวๆ ก็ได้ หรืออาจอ่อนตัวลงมาย่ำฐาน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับนักเล่นมองภาพการลงทุนเป็นแบบไหน และดีไซด์การลงทุนของตัวเองไว้อย่างไรเจ้าค่ะ

*ถ้านึกภาพดังกล่าวไม่ออก “โมนิก้า” ขอยกตัวอย่างหุ้นปูนใหญ่ SCC เป็นต้นแบบของการลงทุนระยะยาวก็แล้วกัน หากมองภาพราคาหุ้นต้นปี 57 อยู่ที่ระดับ 370 บาท พอถึงปลายปี 57 อยู่ที่ 470 บาท ให้รีเทิร์นสูงถึง 27% มันเหมาะกับการลงทุนเป็นรายปีไหม แต่ถ้าดูเป็นรายไตรมาสจะเห็นว่า เมื่อช่วงต้นปี 58 หุ้นอยู่ที่ 440 บาท พอถึงเดือน มี.ค. 58 ขึ้นไปยืนแถว 540 บาท  ให้รีเทิร์นสูงถึง 22%  มันเป็นข้อมูลที่แฟนคลับต้องไปคิดต่ออีกทีหนึ่งนะจะบอกให้

*ส่วนในรายของ TRUE ซึ่งอยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของมังกรน้อย ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการ take profit หลังจากหุ้นปรับตัวขึ้นมาเยอะ “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวของดัชนีในเที่ยวนี้ยังไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะในช่วงเดือน มี.ค. อ่อนตัวลงจากระดับ 15 บาท ลงมาแถว 12 บาท ต่อจากนั้นเด้งขึ้นไปแถว 13.50 บาท และโดนเทขายอย่างหนักในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นลงมายืนอยู่ที่ 12.60 บาท มันเป็นจังหวะที่ต้องคิดแล้วว่า แล้วไงต่อ?

*เหมือนกับในรายขอหุ้นยางมะตอย TASCO  ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือภาษาเทคนิคเขาเม้าท์ว่า all time new high มันมีประเด็นที่ให้นักเล่นต้องไปคิดต่อว่า โอเวอร์รีแอคเกินไปหรือเปล่า? หลังวานนี้หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 14.30 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น เดี๊ยนไม่สามารถตอบแทนได้เจ้าค่ะ

*ส่วนที่ยอมจำนนต่อหลักฐานเป็นที่เรียบร้อย ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน เพราะหุ้นตัวนั้นก็คือ SIAM  สุดยอดหุ้นเก็งกำไรของปี 58 บวกกับเหตุการณ์ที่ค่อนไปในทางสงครามวันเดียวเกิดขึ้นให้เห็นทั้งหมด 3 ครั้ง (รวมวานนี้ด้วย)ภายใน 2 เดือน “โมนิก้า” ไม่สามารถบรรยายเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากพวกมากลากไปเชือด ตัวเลขขาดทุนเรื้อรังยังเป็นชนักติดหลัง ส่วนธุรกิจใหม่ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม หุ้นถึงเด้งขึ้นไปถึง 4.40 บาท แต่สุดท้ายลงมาปิดที่ 3.86 บาท บวกไปแค่ 0.04 บาท แล้วจะเล่นต่อไหม?

*แพลตฟอร์มข้างต้นเหมือนกับในรายของ TLUXE อย่างไรอย่างนั้นเลย ประเด็นที่เป็นธงนำยังพุ่งเป้าไปที่เรื่องการคัมแบ็กอย่างสวยหรู แต่ปัจจัยรอบด้านที่ส่งผลโดยตรงต่อตัวธุรกิจไม่เอื้อแม้แต่นิดเดียว “โมนิก้า” ถึงรู้สึกงงๆ เหมือนกันที่เห็นหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 6.95 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 14% มันเป็นอีกหนึ่งเกมที่ผู้เล่นต้องเกาหัวแกรกๆ เอาไงดีหว่า?

*จริงๆ มีอีกหลายเรื่องที่อยากจะเม้าท์ แต่พื้นที่ส่วนตัวหมดเสียก่อน จึงขอทิ้งท้ายกันที่แนวทางการลงทุนของแต่ละคนต้องชัดเจน เพราะการลงทุนในตลาดหุ้นมันเป็นเกมชิงไหวชิงพริบ ทุกมีโอกาสได้เสียพอกัน ขึ้นอยู่กับใครจะจับทริกอะไรบ้างอย่างได้เร็วกว่า แถมช่วงนี้มีข่าวสารออกมาเยอะแยะ จึงต้องใช้สติสตางค์ในการ “วิเคราะห์ แยกแยะ” มากเป็นพิเศษ ด้วยความปรารถนาดี..จากน้องโม อิอิอิ

Back to top button