บลจ.กสิกรไทย ชี้หุ้นทั่วโลกยังผันผวนลุ้น FED ขึ้นดอกเบี้ย-นโยบายศก.จีน

นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงนี้ปรับตัวผันผวนอย่างมาก โดยปรับตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 21 - 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้จุดเริ่มต้นของการปรับตัวลดลงอย่างแรง มาจากความกังวลในสถานการณ์ของจีน และได้ลุกลามไปยังตลาดอื่นๆ ทั่วโลก แม้ว่าในบางตลาด อาทิ ตลาดหุ้นเอเชีย ญี่ปุ่นและยุโรป จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง หลังจากได้รับปัจจัยหนุนจากธนาคารกลางจีนที่ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยล่าสุดได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ 4.60% และการปรับลดอัตรากันสำรองธนาคารพาณิชย์ลงอีก 0.50% มาอยู่ที่ 18%


นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงนี้ปรับตัวผันผวนอย่างมาก โดยปรับตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 21 – 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้จุดเริ่มต้นของการปรับตัวลดลงอย่างแรง มาจากความกังวลในสถานการณ์ของจีน และได้ลุกลามไปยังตลาดอื่นๆ ทั่วโลก แม้ว่าในบางตลาด อาทิ ตลาดหุ้นเอเชีย ญี่ปุ่นและยุโรป จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง หลังจากได้รับปัจจัยหนุนจากธนาคารกลางจีนที่ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยล่าสุดได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ 4.60% และการปรับลดอัตรากันสำรองธนาคารพาณิชย์ลงอีก 0.50% มาอยู่ที่ 18%

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ต่อจากนี้ไป คาดว่าตลาดในภาพรวมจะยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่จะส่งผลกระทบคือ โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ความไม่แน่นอนของตลาดการเงินโลกดังกล่าว ทำให้นักลงทุนมีการปรับลดโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ลดลงจาก 50% ในสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ 33% รวมถึงจะต้องติดตามผลจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งล่าสุดของทางการจีน ว่าตลาดจะตอบรับในเชิงบวกได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากที่ผ่านมา แม้ธนาคารกลางจีนได้ดำเนินนโยบายผ่อนคลายเศรษฐกิจและมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง แต่ก็ยังถือว่าไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

นอกจากนี้นักลงทุนยังเกิดความไม่มั่นใจต่อประสิทธิภาพของมาตรการจีนในหลายด้าน อาทิ การเข้าไปแทรกแซงตลาดหุ้นที่ร้อนแรง การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และการปรับลดค่าเงินหยวน ทำให้ตลาดเกิดความกังวลถึงความชัดเจนของนโยบายภาครัฐดังที่กล่าวมา

นายพงศ์พิเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับมุมมองของบลจ.กสิกรไทย แนะนำให้ผู้ลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยชะลอการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อประเมินสถานการณ์และภาวะตลาดอีกครั้งให้มีความชัดเจนมากขึ้นก่อน โดยเฉพาะหลังการประชุมของ FED ในเดือนกันยายน ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนในการปรับขึ้นดอกเบี้ย

ทั้งนี้นักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนอยู่ในปัจจุบัน หากไม่สามารถรับความผันผวนได้ อาจมีการสับเปลี่ยนเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ อาทิ กองทุนตลาดเงิน กองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนผสม แต่ถ้าสามารถรับความผันผวนได้ แนะนำให้ถือต่อไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดหุ้นไทย แม้บลจ.กสิกรไทยจะมีการปรับเป้าหมายดัชนีปลายปี ลงมาอยู่ที่ระดับ 1,400-1,450 จุดแล้ว แต่เนื่องจากระดับราคาปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ จึงสามารถเข้าสะสมเพื่อการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะกองทุน LTF และ RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยได้

 

 

Back to top button