เก็ง 12 หุ้นฮิต! ปันผลเด่น-ปัจจัยหนุนSET บ่ายแกว่งแคบต่อ-รอปัจจัยใหม่

SET เช้านี้เงียบเหงา-วลลุ่มบาง แม้หายตกใจเหตุการณ์ร้ายในปารีส รอติดตามรายงานประชุมเฟด ส่วนราคาน้ำมันย่อตัวกดดันกลุ่มพลังงาน แต่ยังได้แรงหนุนจาก LTF และใกล้งาน Set in the city เชื่อกองทุนเข้าซื้อเพิ่ม ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่บวกเล็กน้อย บ่ายคาดตลาดฯแกว่งแคบต่อ มีแนวรับ 1,380 แนวต้าน 1,400 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (18 พ.ย.) สามารถ Rebound ขึ้นมาได้แต่ไม่ผ่านแนวจิตวิทยน 1,400 จุด ส่งผลให้ปรับตัวลงต่อ เนื่องจากมีแรงกดดันในหุ้นกลุ่มพลังาน รวมถึงมีแรงหนุนจากกองทุน LTF เข้ามาประคองดัชนีไว้ ส่วนตลาดภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ อย่างไรก็ตาม แนะให้ติดตามรายงานผลการประชุมเฟดที่ผ่าน เพราะจะเป็นตัวขี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ตลาดหุ้นไทยจะแกว่งแคบต่อ โดยมีแนวรับ 1,380 แนวต้าน 1,400 จุด ขณะที่ แนะนำซื้อ KCE-CPF-BEAUTY-MINT-MTLS-SAWAD-EPG-TISCO-IRPC-CK-STEC และ UNIQ

 

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้เงียบ วอลุ่มเทรดถือว่าไม่มาก แม้ว่าคนจะเริ่มหายตกใจเหตุการณ์ก่อการร้ายในปารีสแล้ว แต่คืนนี้จะต้องติดตามรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ก่อน เพราะจะเป็นตัวขี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันย่อตัวลงราว 2% เป็นผลจากอุปทานล้นตลาด ทำให้กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราจะเห็นได้ว่ามีแรงซื้อจากนักลงทุนรายสถาบันเข้ามาต่อเนื่องในช่วง 2 วันที่ผ่านมา คาดว่าจะเป็นกองทุน LTF และใกล้งาน Set in the city ในวันที่ 19-22 พ.ย.นี้เชื่อว่าน่าจะมีแรงซื้อจากกองทุนเข้ามาอีก ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เงียบเหงาเช่นกัน ส่วนใหญ่บวกเล็กน้อยจากกลุ่มพลังงานกดดัน

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดตลาดฯคงจะแกว่งแคบ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น โดยมีแนวรับ 1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400 จุด

 

ด้านฝ่ายวิจัย ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ย.) SET รีบาวด์ไม่ผ่านแนวต้าน 1,400 จุด และไม่สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือ Uptrend Line ได้ โดยหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม อย่าง AOT-CENTEL-MINT แข็งแกร่งกว่าตลาด คาดหวังเม็ดเงินจาก LTF เข้ามาหนุนตลาดให้แกว่ง Sideways up ขึ้นไปทดสอบ 1,400 จุดได้อีกครั้ง

ขณะที่ แนะนำ “ซื้อ” 1. หุ้นที่กำไรไตรมาส 3 ปี 58 ออกมาดี: “ซื้อ” KCE-CPF-BEAUTY และ MINT ขณะที่แนะนำ “ซื้อ” MTLS (ทำ New High แนวต้าน 22.70) แทน SAWAD ระยะสั้น (แนวต้าน 49) เละ “เก็งกำไร” EPG (แนวต้าน 12.50)

2. หุ้น Valuation ต่ำ ปันผลสูง + Laggard Plays: TISCO-IRPC

3. ประมูลรถไฟรางคู่สัปดาห์นี้: CK-STEC-UNIQ

อย่างไรก็ตาม แนะนำ “ซื้อ” CPF เป้าหมายพื้นฐาน 29 บาท (ทางเทคนิคระยะสั้นที่ 22.70 บาท ขณะที่ระยะกลาง-ยาวที่ 25.50 บาท) ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจกุ้งที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งจากอัตรากำไรที่ดีขึ้น

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ย.) ดัชนี SET ช่วงเช้าปิด ส่วนตลาดภูมิภาคผันผวน โดยตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าพุ่งขึ้นในวันนี้ เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ และมีปัจจัยบวกจากเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หนุนหุ้นกลุ่มส่งออกพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ติดตามรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อจับสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าหรือไม่ ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดของ CMEGroup’s Fedwatch ระบุว่า โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นั้น มีสูงเกือบ 70%

สำหรับปัจจัยในประเทศ รองนายกฯกล่าวในงาน Thailand Economic Outlook 2016 ว่า ปี 59 จะถือเป็นปีแห่งการลงทุนขนานใหญ่ของไทย หลังจากที่รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ไว้เพื่อเอื้อต่อการลงทุนแล้ว ดังนั้น จึงถึงเวลาที่เอกชนต้องลงทุนเพื่อช่วยกันผลักดันให้เศรษฐกิจเดินหน้า พร้อมระบุว่าในครึ่งปีแรกของปี 59 รถไฟฟ้าทุกสายจะต้องพร้อมประกวดราคา มาตรการต่าง ๆ คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/58 ประกอบกับหากไม่เกิดสถานการณ์รุนแรงกับเศรษฐกิจจีนก็เชื่อว่า GDP ของไทยในปีนี้เติบโตได้มากกว่า 3%

แนวโน้มภาคบ่ายเชิงเทคนิค: ดัชนีช่วงเช้า ไม่สามารถปรับตัวผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,400 ได้ มีโอกาสปรับตัวลงทดสอบ 1,380 ก่อนกลับขึ้นทดสอบ 1,400 อีกครั้ง

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,178.05 ล้านบาท ปิดที่ 266.00 บาท ลดลง 5.00 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 664.24 ล้านบาท ปิดที่ 5.20 บาท ลดลง 0.05 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 559.15 ล้านบาท ปิดที่ 213.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

MTLS มูลค่าการซื้อขาย 542.62 ล้านบาท ปิดที่ 21.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 472.23 ล้านบาท ปิดที่ 49.25 บาท ลดลง 0.50 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button