TAKUNI ขึ้นแบบไร้พื้นฐาน

ประเด็นของหุ้น TAKUNI ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คงเป็นเหมือนกับที่ คุณสมภพ วิเคราะห์ไว้ในเบื้องต้นว่า ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงโดยปราศจากปัจจัยพื้นฐานรองรับได้อย่างไร? เพราะมันหมายความว่า นักลงทุนมีโอกาสติดหุ้นค่อนข้างสูง และหนทางเดียวที่จะถอนตัวจากเรื่องนี้ก็คือ ต้องยอมตัดขายหุ้นขาดทุนนั่นเอง


สภาแมงเม่า: ดร.สมชาย

 

คุณสมภพ จากบางนา กรุงเทพฯ พูดถึงสถานการณ์ของหุ้น TAKUNI หรือ บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้บริหารที่คร่ำหวอดอยู่ในธุรกิจพลังงานเป็นเวลานาน การเติบโตของบริษัทที่เห็นได้ชัดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หรือแม้แต่การเข้ามารับไม้ต่อของทายาทล้วนเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่เรื่องที่ผมไม่ค่อยเข้าใจจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องของราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงแบบไร้พื้นฐานรองรับ บวกกับล่าสุดมีการเพิ่มทุนในราคาต่ำเรียดดินสุดๆ จึงตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ว่า นี่เป็นการทำราคาของคนบางกลุ่ม เพื่อล่อให้นักลงทุนบางกลุ่มใส่เงินเพิ่มทุนหรือเปล่า? สุดท้ายนี้หวังว่า คนที่เล่นหุ้นตัวนี้จะเอาตัวรอด และไม่เจ็บตัวหนัก พร้อมกันนี้อยากให้อาจารย์ช่วยประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยครับ

 

ประเด็นของหุ้น TAKUNI หรือ บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คงเป็นเหมือนกับที่ คุณสมภพ วิเคราะห์ไว้ในเบื้องต้นว่า ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงโดยปราศจากปัจจัยพื้นฐานรองรับได้อย่างไร? เพราะมันหมายความว่า นักลงทุนมีโอกาสติดหุ้นค่อนข้างสูง และหนทางเดียวที่จะถอนตัวจากเรื่องนี้ก็คือ ต้องยอมตัดขายหุ้นขาดทุนนั่นเอง

ตรงนี้เป็นข้อมูลที่อาจารย์เห็นเหมือนกัน แต่ไม่สิทธิ์ไปห้ามคนเล่นเป็นอันขาด เพราะถือว่า นักลงทุนแต่ละรายมีความคิดที่เป็นของตัวเอง และเงินที่ลงทุนก็เป็นเงินของนักลงทุน จึงต้องให้เกียรติกับคนที่เข้าซื้อหุ้น TAKUNI เป็นลำดับแรก และที่สำคัญก็คือ คนที่เข้าซื้อหุ้นตัวนี้มักหวังว่า หุ้นจะไต่ระดับขึ้นไปอีกเรื่อยๆ นะครับ

น่าเสียดายที่โลกของความเป็นจริงไม่ใช่สิ่งที่คิด และการลงทุนในตลาดหุ้นก็ไม่มีอะไรแน่นอน จึงต้องทำความเข้าใจกันทีละเรื่อง และประเด็นที่ต้องพุดกันในคราวนี้คือ ราคาหุ้นสูงเกินจริงไหม?

คำตอบที่ได้รับคือ สูงเกินไปจริงๆ ซึ่งดูได้จากค่า P/E ที่ระดับ 65 เท่า และค่า P/BV ที่ระดับ 10 เท่า ล้วนเป็นระดับที่นักวิเคราะห์พูดเป็นเดียวกันว่า “โอเว่อร์แวลู” และสิ่งที่ทุกพูดเหมือนกันก็คือ ราคาหุ้นควรจะอยู่แค่ระดับ 4 บาท ซึ่งเป็นการคิดบน P/BV ที่ 4 เท่า และค่า P/E ที่ระดับ 20 เท่า

นอกจากนี้หากดูจากผลการดำเนินงานที่ทำได้ ถือเป็นการเติบโตที่โดดเด่น แต่ยังไม่ซับพอร์ตราคาหุ้นในกระดาน

 

  ปี 57 งวด 9 เดือน ปี 58
รายได้รวม  1,213.33 985.18
กำไรสุทธิ  27.18 59.87
กำไรต่อหุ้น (บาท)  0.08 0.15

(หน่วย:ล้านบาท)

 

ส่วนข้อสังเกตเรื่องดันราคาหุ้น เพื่อให้นักลงทุนใส่เงินเพิ่มทุนนั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ซึ่งสามารถมองว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือจะมองเป็นจังหวะที่ประจวบเหมาะพอดีก็ได้

สรุปตามความคิดเห็นของอาจารย์ที่มองอะไรพื้นๆ คือ ราคาหุ้นโอเว่อร์เกินไป ไม่คุ้มกับความเสี่ยงนะครับ

 

takuni20151120

กราฟประกอบข่าว: Aspen, ราคาปิด ณ วันที่ 20 พ.ย.58

Back to top button