เฮดจ์ฟันด์หวนคืนพลวัต2015

3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปีนี้ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ออกไปลงทุนในตลาดเกิดใหม่พากันขาดทุนจนชวนสยอง แล้วถอนตัวจากตลาดเกิดใหม่ แต่ปีหน้าเป็นต้นไปคือปีเริ่มต้นกลับมาซื้อจริงจัง นี่เป็นยุทธศาสตร์ที่นักลงทุนควรรู้เกี่ยวกับฟันด์โฟลว์


3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปีนี้ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ออกไปลงทุนในตลาดเกิดใหม่พากันขาดทุนจนชวนสยอง แล้วถอนตัวจากตลาดเกิดใหม่ แต่ปีหน้าเป็นต้นไปคือปีเริ่มต้นกลับมาซื้อจริงจัง นี่เป็นยุทธศาสตร์ที่นักลงทุนควรรู้เกี่ยวกับฟันด์โฟลว์

การขาดทุนและการถอนตัวจากตลาดเกิดใหม่โยงใยกันลึกซึ้ง เพราะบางครั้งยุทธศาสตร์สั่งให้ถอน ผู้จัดการกองทุนก็ตั้งหน้าตะบี้ตะบันถอยออกจากตลาดอย่างจริงจังโดยไม่สนใจว่าจะขาดทุนหรือกำไร

กรณีของไทยเป็นตัวอย่าง นักลงทุนต่างชาติถอนตัวขายสุทธิจากตลาดหุ้นไทยปี 2556 มากถึง 2 แสนล้านบาท ปี 2557 ขายสุทธิถอนตัวอีก 7 หมื่นล้านบาท ปีนี้ถอนตัวไป จนถึงล่าสุดเมื่อวันศุกร์กว่า 1.17 แสนล้านบาท

การถอนตัวที่โยงกับยุทธศาสตร์ผู้บริหารกองทุน ส่วนหนึ่งผิดพลาด อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการประเมินทิศทางล่วงหน้าอย่างไม่ยืดหยุ่น  ทำให้เฮดจ์ฟันด์แสดงบทบาทผู้ร้ายของตลาดและของผู้ถือหน่วย

3 ปีที่ผ่านมา บารมีของผู้นำกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่เคยยิ่งใหญ่อย่าง จอร์จ โซรอส หรือ มาร์ก โมเบียส ถดถอยอย่างมาก ไม่น่าเชื่อถือเหมือนเดิมเพราะกองทุนใต้การดูแลประเทศต่างๆ ขาดทุนยับเยิน

แม้กองทุนดังกล่าวจะสร้างปัญหามากพอสมควรให้ตลาดทุนเกิดใหม่ทั่วโลก แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ถึงความจำเป็นต้องมีกองทุนเหล่านี้ไว้ถ่วงดุลหรือสร้างสภาพคล่องให้กับตลาดต่างๆ อย่างมีนัยสำคัญ ในฐานะ “เทอร์โมมิเตอร์” ชี้อุณหภูมิของตลาดต่างๆ ได้

ล่าสุดโกลด์แมน แซคส์ บริษัทวาณิชธนกิจชื่อดังออกคำชี้แนะว่าถึงเวลาที่เฮดจ์ฟันด์จะกลับมาเยี่ยมๆ มองๆ และลงทุนในตลาดเกิดใหม่อีกระลอกหนึ่งแล้ว

เหตุผลสำคัญคือ การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดซึ่งตลาดเริ่มคุ้นเคยและยอมรับสภาพอย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว  จะทำให้ค่าเงินสกุลท้องถิ่นทั่วโลกถูกลงมาก ช่วยให้เศรษฐกิจกลับสู่สมดุลใหม่หลังจากปั่นป่วนเพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถดถอยและการส่งออกหดตัวลง

ปัจจัยสำคัญรองลงไปคือมูลค่าหลักทรัพย์คือหุ้นและตราสารหนี้มีราคาต่ำมากจนถึงก้นเหวแล้ว และเริ่มปรับสภาพขึ้นสู่มูลค่ายุติธรรมของมันมากขึ้น เป็นจังหวะเข้าซื้อเพื่อทำกำไรในระยะยาว แม้ว่าการฟื้นตัวดังกล่าวอาจจะไม่เท่ากับยุคสมัยของทศวรรษที่ผ่านมาที่จีนเป็นตัวนำสำคัญ

ข้อชี้แนะของโกลด์แมน แซคส์ ได้รับเสียงขานรับแข็งขันประหนึ่งสมคบคิดกันมาก่อนว่า เห็นด้วยพร้อมปรับพอร์ตตามที่แนะนำมา เริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

โกลด์แมน แซคส์ระบุว่ามีความเสี่ยงสำคัญที่น่ากังวลเรื่องเดียวเท่านั้นนับแต่ปีหน้าไปคือ ความเสื่อมค่าของเงินหยวน กรณีที่เศรษฐกิจจีนออกอาการฮาร์ดแลนดิ้ง คือพังกะทันหัน แต่สถานการณ์ดังกล่าวได้ผ่านมาแล้ว จากความพยายามของรัฐจีนในการรักษาค่าหยวน กอบกู้ตลาดหุ้น และปราบปรามสถาบันการเงินนอกกฎหมายที่แอบส่งเงินออกนอกประเทศมหาศาล

การกลับมาของเศรษฐกิจจีน และตลาดหุ้นจีน คือตัวแปรที่จะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกรวมทั้งน้ำมัน มีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าปีนี้แน่นอน

ภาพรวมของประเทศตลาดเกิดใหม่ในมุมมองของโกลด์แมน แซคส์คือ ปีนี้อัตราเติบโตเฉลี่ยต่ำสุด 4.4% แต่ปีหน้าจะดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีเพราะลงทุนในจังหวะที่ตลาดย่ำแย่สุด

ตลาดเป้าหมายโดดเด่น ที่แนะนำของโกลด์แมน แซคส์ ประกอบด้วยโคลอมเบีย แอฟริกาใต้ ตุรกี และมาเลเซีย  ภายใต้เงื่อนไขว่าทั้ง 4 ประเทศต้องแก้ไขปัญหาเรื่องดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเรื้อรังให้จบ

ตลาดต่อไปที่น่าสนใจสำหรับโกลด์แมน แซคส์คือรัสเซีย อินเดีย และโปแลนด์ ซึ่งเศรษฐกิจพ้นจุดต่ำสุดมาแล้วและมูลค่าทรัพย์สินนับวันจะสูงขึ้น

นอกจากตลาดหุ้นและตราสารหนี้แล้ว โกลด์แมน แซคส์ ชี้แนะให้เข้าลงทุนในค่าเงินหลายสกุลอย่าง เม็กซิกันเปโซ รัสเซียนรูเบิล แอฟริกันแรนด์  และชิลีเปโซ ในฐานท็อปพิกส์ของเงินสกุลท้องถิ่นทั้งหลาย

มุมมองดังกล่าวไม่มีชื่อเมืองไทยหรือตลาดไทย ในสายตาของโกลด์แมน แซคส์เลย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าตลาดไทยจะพลาดโอกาส ไม่ได้รับอานิสงส์ใดๆ เลย เพราะสามารถใช้กลยุทธ์ “เหาฉลาม” เกาะพ่วงไปสร้างโอกาสได้ หากรัฐไทย และนักลงทุนไทย เข้าใจแยกแยะ “ข้อเท็จจริง” ของสภาวะตลาดใต้กระแสโลกาภิวัตน์ ที่แตกต่างจาก “การขายฝันที่ไม่เคยบรรลุได้”

เพียงแค่ว่าจะรู้หรือไม่ว่า โอกาสที่ว่านั้นมันคืออะไร อยู่ตรงไหน และจะไขว่คว้ามาด้วยวิธีอะไร ก็สามารถจะหาประโยชน์จากกระแสที่กำลังหวนคืนของเฮดจ์ฟันด์ที่หนีหน้าไปเที่ยวนาน 3 ปี

มุมมองระดับโลกดังกล่าวอาจจะไม่ถูกต้องเสียทั้งหมด และยังขาดรายละเอียดอย่างมาก แต่เป็นข้อมูลชี้ทางสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้

การรู้เท่าทันเฮดจ์ฟันด์ เป็นเกมที่นักลงทุนต้องตระหนักและจินตนาการให้ออก ก่อนจะตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์

Back to top button