SET รีบาวด์ ตลาดคลายกังวลปัญหารัสเซีย-ตุรกีชง 23 บจ. เลือกเก็งหุ้นเทคนิคดี, ปีหน้ากำไรโต

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ หลังยังไม่มีสถานการณ์ตึงเครียดเพิ่มระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเพิ่ม อย่างไรก็ตามภาพรวมตลาดยังมีความผันผวนตามกระแสการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟด กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเก็งกำไรในหุ้นที่มัสัญญาณบวกทางเทคนิค หรือเลือกเก็บหุ้นที่แนวโน้มปีหน้ามีทิศทางดี


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.71 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเงินเยนอ่อนค่าช่วยหนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นทะยาน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับตุรกี

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ หลังยังไม่มีสถานการณ์ตึงเครียดเพิ่มระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเพิ่ม อย่างไรก็ตามภาพรวมตลาดยังมีความผันผวนตามกระแสการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟด กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเก็งกำไรในหุ้นที่มัสัญญาณบวกทางเทคนิค หรือเลือกเก็บหุ้นที่แนวโน้มปีหน้ามีทิศทางดี

หุ้นเด่นเลือก SVI-BDMS-SYNTEC-KBANK-TISCO-SCC-TPIPL-DIF-BTSGIF-DELTA-PIMO-VIBHA-TOP-AOT-TRC-SAWAD-GUNKUL-AOT-CK-STEC-EPG-CI และ PREB 

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ย.) คาดว่า SET จะ Rebound ตามตลาดหุ้นยุโรปที่ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ 1-2% หลังยังไม่มีสถานการณ์ตึงเครียดเพิ่มระหว่างรัสเซีย-ยูเครน นอกจากนี้ยังคาดประชุม ECB ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมมากขึ้นในการประชุมวันที่ 3 ธ.ค.นี้ แต่ภาพรวม SET ยังอยู่ในช่วง Sector Rotation แกว่งในกรอบ 1,375-1,395 จุด

ทั้งนี้ SET ยังอยู่ในช่วงการ “พักฐาน” รูปแบบ “Sector Rotation” โดยกลุ่มหุ้นที่เคยเป็นกลุ่มนำตลาดก่อนหน้า มีความเสี่ยงถูกขายทำกำไรมายังกลุ่มหุ้นที่ยังปรับขึ้นไม่มากนักก่อนหน้านี้ อย่าง

1) กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่: เริ่มมีสัญญาณ Sector Rotation มาที่กลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ทีมี Valuation ถูก PE 8-9 เท่าอย่าง KBANK

2) เก็งกำไรยอดขายรถงาน Motor Expo ธ.ค.นี้: TISCO

3) วัสดุก่อสร้าง: SCC, TPIPL เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

4) หุ้น Defensive เทคนิคดูดีขึ้น: DIF, BTSGIF

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ย.) ว่า วานนี้ ภาวะการซื้อขายโดยรวมของ SET ยังถูกกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นในกลุ่มสื่อสาร หลังจาก Fitch คาดการณ์การลงทุนที่สูง และค่าใช้จ่ายการตลาด รวมถึงภาวะการแข่งขันที่รุนแรงจะกระทบกำไรสุทธิกลุ่มสื่อสารในปีหน้า ขณะที่สถาบันขายสุทธิเพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยความไม่สงบในตะวันออกกลาง

กลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยประเมินตลาดยังรอปัจจัยความชัดเจนของการประชุม OPEC, ECB และ FOMC ในช่วงเดือนหน้า โดยดัชนีมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1,370 จุด แนวต้าน 1,395-1,400 จุด แนะนำเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบการลงทุน ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่มีโมเมนตัมบวกทางเทคนิค เช่น DELTA, PIMO และ VIBHA

 

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ย.) คาด SET มีโอกาสปรับขึ้น ภายใต้ปัจจัยจากต่างประเทศที่ผ่อนคลายลง โดยเฉพาะสถานการณ์ในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมตลาดจะยังมีความผันผวนไปจนถึงกลางเดือนหน้า ซึ่งจะมีการประชุมเฟด (15–16 ธ.ค.58) ที่คาดจะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี ขณะที่คาดปัจจัยกดดันดังกล่าวอาจถูกชดเชยด้วยมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่คาดเติบโตเพียงพอและสามารถรับต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากความเป็นไปได้ที่ ECB จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ที่คาดมีความชัดเจนในการประชุม 3 ธ.ค.58

หุ้นแนะนำ: TOP

 

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ย.) ว่า ตลาดไทยเมื่อวานนี้ยังคงมีแรงกดดันหลักจากกลุ่มสื่อสาร นำโดย True และ Advanc ที่พักฐานลงต่อเนื่อง นอกจากนี้ตัวเลขการส่งออกเดือนตุลาคมที่ออกมาแย่กว่าคาด โดยปรับลดลงกว่า 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนก็ทำให้ต่างชาติขายหุ้นไทยต่อ และตลาดดูเหมือนจะขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน

ตลาดวันนี้น่าจะเทรดด้วยปริมาณซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนฝั่งสหรัฐเข้าสู่ช่วงวันหยุด Thanksgiving และนักลงทุนส่วนใหญ่รอฟังผลการประชุม ECB ในสัปดาห์หน้า และหุ้นหลักในกลุ่มสื่อสารอย่าง True และ Advanc มีโอกาสกดดันตลาดได้ต่อ ดังนั้น ตลาดจะซึมๆต่อไปแต่ก็ยังไม่น่าหลุดแนวรับบริเวณ 1,375-1,380 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวได้ดีช่วงนี้ช่วยหนุนกลุ่มพลังงาน วันนี้ SET น่าจะแกว่งในกรอบ 1375-1400 เน้นเล่นสั้นเฉพาะหุ้นกลุ่มที่มี story ดีรายตัว เช่น กลุ่มฤดูกาล high season (โรงพยาบาล, ท่องเที่ยว) กลุ่มก่อสร้าง (รับเหมา, วัสดุก่อสร้าง) และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อน (electronics)

แนวรับ/แนวต้าน : 1,380/1,410 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

กลยุทธ์: เน้นเล่นสั้น เล็งหุ้นเป็นรายตัว ลงแรงซื้อ เด้งขึ้นขาย เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ บวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า

นักลงทุนระยะสั้น: SVI (5.50), BDMS (25.50)

นักลงทุนระยะยาว: SYNTEC (3.80), CK (32)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (26 พ.ย.) ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้น่าจะยังซบเซาต่อเนื่อง โดยคาดว่า SET จะผันผวนอยู่ในกรอบ 1,370-1,390 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยบวกหรือลบใหม่ชี้นำ นักลงทุนส่วนใหญ่เตรียมหยุดพักผ่อนประจำปีและรอผลประชุม ECB รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐในช่วงต้นเดือนธ.ค ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเฟดในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเฟดวันที่ 15-16 ธ.ค. นี้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศก็ยังไม่มีอะไรใหม่ อย่างไรก็ตามหาก SET ปรับลงหวังว่าจะมีเม็ดเงินจาก LTF และ RMF ที่รอซื้อกันช่วงโค้งสุดท้ายมูลค่าไม่น้อยกว่าหมื่นล้านบาทช่วยพยุงตลาดในช่วงนี้

กลยุทธ์วันนี้: Buy on Weakness

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: AOT (High season และยังได้ผลบวกจากเฟดขึ้นดอกเบี้ย)

ธุรกิจที่มีแนวโน้มดี: ธุรกิจท่องเที่ยว ก่อสร้าง โรงพยาบาล สินเชื่อรายย่อย และพลังงานทดแทน

หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตดีในปีหน้า: SAWAD GUNKUL AOT CK STEC EPG CI PREB 

KSS report วันนี้: AOT (เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ ซื้อ/TP Bt360) และ TRC (ยังแนะนำซื้อ/เป้า 2.80)

Back to top button