
FPT คาดกำไรงวดปี 62/63 โตแกร่งหลังควบรวม GOLD ตั้งงบ 3 พันลบ.ลุยพท.คลังสินค้าให้เช่า
FPT คาดกำไรงวดปี 62/63 โตแกร่งหลังควบรวม GOLD ตั้งงบ 3 พันลบ.ลุยพท.คลังสินค้าให้เช่า
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรสุทธิงวดปี 62/63 (ต.ค. 62-ก.ย. 63) คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากงวดปีก่อนที่ทำได้ 3.48 พันล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการรวมงบการเงินของ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD เข้ามาเต็มปี
พร้อมวางงบลงทุนราว 3 พันล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าแบบ Built-to-Suit เพิ่มอีก 150,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งจะทำให้พื้นที่เช่าของบริษัทในช่วงสิ้นงวดปีเพิ่มเป็น 300,000 ตร.ม.
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองหาโอกาสขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (FTREIT) อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทและกอง REIT ให้มากขึ้น พร้อมทั้งจะมีความร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่นๆ เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆ ที่มีความทันสมัยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
ด้าน นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (FIRM) ในฐานะผู้จัดการกอง FTREIT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของ FTREIT ในงวดปี 62/63 เป็นกว่า 4 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งการขยายขนาดมูลค่าสินทรัพย์ที่ต่อเนื่องจะทำให้พื้นที่เช่าของโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าในกองเพิ่มเป็นกว่า 2 ล้าน ตร.ม. จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 1.76 ล้านตร.ม. ช่วยหนุนอัตราการจ่ายปันผลของกอง FTREIT ให้สูงขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ บริษัทวางแผนใช้งบลงทุนที่เหลืออีก 3 พันล้านบาท จากงบลงทุนทั้งปีรวม 5 พันล้านบาท ในการเข้าซื้อสินทรัพย์ในกลุ่มเฟรเซอร์ และสินทรัพย์นอกกลุ่ม เพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพการดำเนินงาน FTREIT โดยแหล่งเงินทุนจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้กอง REIT จะปรับสัดส่วนของเงินกู้ให้ลดลงมาอยู่ที่ 25% จากปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาเป็น 29% ทำให้ความสามารถในการกู้ยืมลดลง ดังนั้น บริษัทจำเป็นต้องลดสัดส่วลง โดยบริษัทได้มีการขออนุมัติผู้ถือหุ้นออกหุ้นเพิ่มทุน 220 ล้านหุ้น ซึ่งคาดว่าจะระดมเงินเข้ามาได้กว่า 3 พันล้านบาท กระบวนการจะแล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค.63 เพื่อนำเงินไปชำระคืนหนี้บางส่วน ทำให้บริษัทมีความสามารถในการกู้ยืมเพิ่มขึ้น และนำมาซื้อสินทรัพย์ได้ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเพิ่มอัตราการเช่าของสินทรัพย์ในกอง FTREIT ให้มากกว่า 85% ภายในปี 63 จากปัจจุบันอยู่ที่ 83% ส่วนหนึ่งมาจากการขยายสินทรัพย์ใหม่เข้ามา และการที่มีลูกค้าต่างชาติรายใหม่ๆที่สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่เพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากจีนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าทำให้ต้องย้ายฐานการผลิต ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในปเป้าหมายที่ลูกค้าจีนให้ความสนใจ ปัจจุบันเข้ามาติดต่อขอเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าหลายราย และคาดว่าสัดส่วนรายได้จากลูกค้าจีนในปี 63 จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 2-3% ของรายได้รวมในปัจจุบัน