KCE เด้ง 3% ตอบรับกำไร Q3 โต 37% แตะ 297 ล้านบาท หลังคุมต้นทุนดี โบรกเคาะเป้า 28.50 บ.

KCE เด้ง 3% ขานรับรายงานกำไรไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อน มีการคุมต้นทุนดีขึ้น และการติดตั้งเครื่องจักรใหม่หนุนการผลิต HDI และลดต้นทุนแรงงาน-ค่าไฟฟ้า ส่งผลให้ GPM ฟื้นตัว แม้ค่าเงินบาทแข็งค่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมเป้าราคาที่ 28.50 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 พ.ย. 68) ราคาหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ณ เวลา 10:54 น. อยู่ที่ระดับ 24.40 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 3.39% สูงสุดที่ระดับ 24.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 303.50 ล้านบาท

บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 297.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.48% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 216.32 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านมาตรการ ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการดาเนินงาน(Cost Reduction and Efficiency Initiatives) ส่งผลให้สามารถชดเชยผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิผล

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 709.34 ล้านบาท ลดลง 48.10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,366.77 ล้านบาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST ระบุว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 ของ KCE มีกำไรสูงขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สาเหตุสำคัญมาจากการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทั้งในด้านรายได้และการควบคุมต้นทุน

โดย KCE รายงานรายได้จากการขายที่ 107.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 7.6% จากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของค่าเงินบาทเฉลี่ยที่ 32.2 บาท/ดอลลาร์ ส่งผลให้รายได้ในรูปเงินบาทลดลงเหลือ 3,444 ล้านบาท ลดลง 9.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4.8% จากไตรมาสก่อน

การติดตั้งเครื่องจักรใหม่ทำให้บริษัทสามารถจัดส่งสินค้ากลุ่ม HDI ได้มากขึ้น โดยสินค้ากลุ่มนี้ยังคงมีความต้องการต่อเนื่องตามดีมานด์ของเทคโนโลยีขั้นสูง ยอดขาย HDI เพิ่มขึ้น 20.3% จากไตรมาสก่อนหน้า ฟื้นตัวได้ดีจากยอดขายในโซนอเมริกา ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงกว่ากลุ่ม PCB นอกจากนี้ การติดตั้งเครื่องจักรใหม่ยังช่วยลดต้นทุนแรงงานและค่าไฟฟ้า รวมถึงการจัดหา Supplier ใหม่เพื่อลดต้นทุนเคมี

หลายปัจจัยบวกส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) กลับมาสูงขึ้น ทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 21.4% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิเติบโตดีอยู่ที่ 297 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 63.3% จากไตรมาสก่อน

สำหรับแผนลดต้นทุน บริษัทสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปีนี้ค่าเงินบาทเฉลี่ยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและมีผลกระทบต่อธุรกิจส่งออก แต่ KCE สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี ส่งผลให้ GPM ฟื้นตัวสวนทางกับค่าเงินบาท และคาดว่าปีหน้าจะได้รับประโยชน์เต็มปี บริษัทจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมราคาพื้นฐานที่ 28.50 บาท

Back to top button