
“กัณฑรา” แนะสะสม 2 หุ้นโรงพยาบาล ชู BDMS-BH พื้นฐานแกร่ง-ราคาลงลึก
“กัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา” มองแนวโน้ม SET วันนี้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศ พร้อมวางแนวรับสำคัญที่ 1,280 จุด หากหลุดมีโอกาสไหลไปที่ 1,250 จุด สำหรับกลยุทธ์ลงทุน แนะสะสมหุ้นพื้นฐานแกร่งที่ราคาลงลึก เช่น BDMS และ BH
นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ว่า ภาพรวมตลาดทุนในวันนี้ได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นต่างประเทศตั้งแต่ช่วงเช้า โดยดัชนีสำคัญในสหรัฐอเมริกาและเอเชียส่วนใหญ่ลดลงราวร้อยละ 2 แม้ตลาดในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียจะปรับตัวบวก แต่ตลาดหุ้นไทยยังคงอ่อนแรงและเคลื่อนไหวผันผวนในแดนลบตลอดการซื้อขาย
โดยแนวรับสำคัญของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ระดับ 1,280 จุด ซึ่งเป็นกรอบล่างของช่วงการประเมินดัชนีระหว่าง 1,280–1,330 จุด หากสามารถประคองระดับดังกล่าวได้มีโอกาสเกิดการฟื้นตัวระยะสั้น แต่หากหลุดแนวรับนี้ อาจเห็นแรงขายต่อเนื่องและอาจต้องลงไปทดสอบบริเวณ 1,250 จุด โดยย้ำว่าแนวรับ 1,280 จุดเป็นจุดชี้วัดทิศทางตลาดสำคัญในระยะสั้น
ด้านปัจจัยต่างประเทศ นายกัณฑรา เปิดเผยว่า นักลงทุนทั่วโลกยังกังวลต่อโอกาสการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ปรับความคาดหวังจากความเป็นไปได้เกินครึ่ง เหลือเพียงระดับใกล้ร้อยละ 50 ทำให้กระทบต่อบรรยากาศการลงทุน อย่างไรก็ดี มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกายังมีโอกาสรีบาวน์ จึงไม่ควรกังวลมากเกินไป พร้อมแนะนำให้นักลงทุนโฟกัสตลาดไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่สามารถช่วยประคองดัชนีได้
สำหรับสาเหตุหลักของความผันผวน ระบุว่า ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นปัจจัยด้านจิตวิทยาที่ฉุดความคึกคักของตลาด เปรียบเสมือน “ห้างที่คนเดินน้อยก็ขายของได้น้อย” ส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ยอมให้ค่าอัตราส่วนราคาต่อกำไรสูง แม้ผลประกอบการของหลายบริษัทจะดีเกินคาด บางบริษัทมีราคาเป้าหมายสูงกว่าราคาปัจจุบันถึงร้อยละ 30–50 แต่ราคาหุ้นกลับไม่ขยับตามปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่การประกาศผลประกอบการใกล้ครบทุกบริษัททำให้เม็ดเงินลงทุนชะลอตัวลงตามวัฏจักรตลาด
ทั้งนี้ หากปริมาณการซื้อขายกลับมาสู่ระดับเกิน 40,000 ล้านบาทต่อวัน จะเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญ ทำให้ตลาดยอมรับค่า PE สูงขึ้นและทำให้ราคาหุ้นมีแรงซื้อกลับอย่างมีนัยยะ พร้อมประเมินว่าดัชนีปลายปีนี้ยังมีโอกาสฟื้นตัวสู่ระดับเป้าหมายพื้นฐานราว 1,330–1,350 จุด และในปี 2569 ฟินันเซียประเมินเป้าหมายดัชนีเบื้องต้นที่ระดับ 1,400 จุด โดยมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาล หุ้นพลังงาน และหุ้นที่ราคาปรับตัวลงแรงเกินปัจจัยพื้นฐาน เช่น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS และบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH พร้อมระบุว่ากลุ่มสาธารณสุขมีความจำเป็นต่อระบบเศรษฐกิจและได้รับผลกระทบด้านต้นทุนสะท้อนในราคาไปมากแล้ว จึงยังเป็นกลุ่มที่เหมาะแก่การลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการถือครองระยะกลางถึงยาว

