ดาวโจนส์ปิดลบ 27 จุด ตลาดวิตกราคาน้ำมันร่วง-ข้อมูลศก.ซบเซา

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) หลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงกว่า 3% ซึ่งได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างซึ่งร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวต่ำกว่าการคาดการณ์


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (1 ส.ค.) ที่ 18,404.51 จุด ลดลง 27.73 จุด หรือ 0.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,170.84 จุด ลดลง 2.76 จุด หรือ -0.13% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,184.20 จุด เพิ่มขึ้น 22.07 จุด หรือ +0.43%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตราคาพลังงาน โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 3.7% เมื่อคืนนี้ ซึ่งส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล และหุ้นเชฟรอน ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 3.2% ส่วนหุ้นทรานส์โอเชียน หุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ดริลลิ่ง และหุ้นเมอร์ฟีย์ ออยล์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 2%

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐร่วงลงเป็นเดือนที่ 3 โดยปรับตัวลง 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2015 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย.

ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 52.6 ในเดือนก.ค. ลดลงจากระดับ 53.2 ในเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ แม้ว่าดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคการผลิต แต่ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 53

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ออกมาส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวว่า ยังคงมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แม้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงไม่แน่นอนก็ตาม

ด้านโกลด์แมน แซคส์ออกรายงานคาดการณ์เมื่อวานนี้ว่า เฟดมีแนวโน้ม 65% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ ขณะที่มีโอกาส 20% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และ 45% ในเดือนธ.ค. หลังจากที่เฟดออกแถลงการณ์หลังการประชุมในเดือนที่แล้วว่า ความเสี่ยงในระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐได้ลดน้อยลงแล้ว

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย., การใช้จ่าย-รายได้ส่วนบุคคลเดือนมิ.ย. และดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

Back to top button