ดาวโจนส์ปิดบวก นักลงทุนเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยล่าสุดมีรายงานว่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมิ.ย.


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (9 ส.ค.)  ที่ 18,533.05 จุด เพิ่มขึ้น 3.76 จุด หรือ 0.02%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,225.48 จุด เพิ่มขึ้น 12.34 จุด หรือ 0.24% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,181.74 จุด เพิ่มขึ้น 0.85 จุด หรือ 0.04%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงงานระบุว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนข้อมูลล่าสุดที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.ขยายตัวขึ้น 0.3% ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคค้าส่งมีแนวโน้มที่จะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังได้ปรับเพิ่มประมาณการสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งในเดือนพ.ค. โดยระบุว่ามีการขยายตัว 0.2% สูงกว่าการประมาณการครั้งก่อนที่ระบุว่าขยายตัวเพียง 0.1% หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเคมัวร์ และหุ้นวีวินท์ โซลาร์ ปรับตัวขึ้น 10.6% และ 9.4% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นเอ็นโด อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้นกว่า 10%

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ รวมทั้งรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง ทั้งนี้ การปรับตัวลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานบางตัวร่วงลง โดยหุ้นเอ็นอาร์จี เอ็นเนอร์จี ดิ่งลง 5.1% หุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.6% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ปรับตัวลง 4%

หุ้นโค้ช ผู้ผลิตสินค้าหรูชั้นนำ ร่วงลง 2.24% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงกว่าการคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันที่ 26 ส.ค. ซึ่งนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด จะขึ้นกล่าวในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในปีที่แล้ว โดยอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

Back to top button