SET ผันผวนขาลง เก็บ 12 บจ.ร้อน เน้นเก็งกำไร

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนในทิศทางขาลง ขณะที่ฟันด์โฟลว์มีแนวโน้มชะลอตัวเพื่อดูผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางญี่ปุ่น ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่นิวยอร์คไม่ส่งผลกระทบการซื้อขายหุ้นในตลาดเอเชียเช้านี้ ทั้งนี้เชื่อว่าตลาดจะกลับมาเน้นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในช่วงต้นสัปดาห์ การลงทุนแนะนำเก็งกำไรสั้น


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.23 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.83 บาทต่อเหรียญ ด้านตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ 

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนในทิศทางขาลง ขณะที่ฟันด์โฟลว์มีแนวโน้มชะลอตัวเพื่อดูผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางญี่ปุ่น ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่นิวยอร์คไม่ส่งผลกระทบการซื้อขายหุ้นในตลาดเอเชียเช้านี้ ทั้งนี้เชื่อว่าตลาดจะกลับมาเน้นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในช่วงต้นสัปดาห์ การลงทุนแนะนำเก็งกำไรสั้น หุ้นเด่นเลือก CHG-GPSC-CKP-HANA-GFPT-TPIPL-COM7-JAS-JASIF-DIF-CPF และ BR

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) ว่า การ Rebound เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน มีความเสี่ยงที่จะตามมาด้วยความ “ผันผวน” ด้านขาลงอีกครั้ง จาก 1) การปรับสูงขึ้นถึง 1,480 จุดถือว่าจบรูปแบบการ Pull-Back ไปแล้ว 2) การประชุม FOMC วันที่ 21 ก.ย.นี้ แม้คาดว่า Fed จะคงดอกเบีย แต่โอกาสขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้ยังอยู่ต่อไป 3) PE ปี 2016 ที่ 16.2 เท่า และแม้จะลดลงเหลือ 14. เท่า ในปี 2017 แต่ยังสูงเทียบกับค่าเฉลี่ย 2009-2016 ที่ 13.2 เท่า ในกรณีที่สัญญาณ Technical กลับไปเป็น “บวก” อีกครั้ง SET ต้องยืนได้เหนือ 1,488 จุด

แม้ Reward to Risk ไม่น่าสนใจโดยมอง Upside จำกัดที่ 1,488 จุด ขณะที่ Downside มองได้ไกลถึง 1,350 จุด แต่ Momentum ตลาดยังไม่เสียหายเว้นแต่ว่าจะปรับลดลงต่ำกว่า Trailing Stop ระยะสั้นที่ 1,462 จุด จึงแนะนำ “Trading” แบบจำกัดพอร์ต CHG (ต้าน 2.66), GPSC (ต้าน 36.0), CKP (ต้าน 3.30), HANA (ต้าน 32) และ GFPT (ต้าน 15.5/16.2)

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) คาด SET วันจันทร์แกว่งแคบๆ คาดแรงผลักขึ้นมีน้อยลงหลังจบการรีบาลานซ์ดัชนีฟุตซีไปเมื่อวันศุกร์ และฟันด์โฟลว์ชะลอเพื่อดูผลประชุม ธ.กลางสหรัฐฯ (รู้ผลคืนวันพุธ) และ ธ.กลางญี่ปุ่น (รู้ผลเที่ยงวันพุธ)

ด้านปัจจัยภายนอกเมื่อวันศุกร์เป็นกลาง/ลบเล็กน้อย ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯ และดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อพื้นฐาน (core CPI) ส.ค. +2.3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เร่งตัวจากระดับ 2.2% ใน ก.ค. ส่งผลให้เฟดฟันด์ฟิวเจอร์เพิ่มโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยในวันพุธจาก 11% เป็น 15% ซึ่งถือว่ายังต่ำมาก และนักเศรษฐศาสตร์ KGI มองว่าเฟดไม่ได้พิจารณา core CPI เป็นหลัก แต่ดูเงินเฟ้ออีกตัวคือ core PCE ซึ่งก็ยังอยู่ต่ำกว่า 2%

ประเมินตลาดจะกลับมาเน้นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในช่วงต้นสัปดาห์ เพื่อรอผลประชุมของ 2 ธนาคารกลางดังกล่าวข้างต้น ส่วนเหตุระเบิดกลางเมืองนิวยอร์กเมื่อสุดสัปดาห์ เราประเมินว่าไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน COM7 (เป้า Consensus 10.15 บาท … เป้าสูงสุด 12 บาท), กลัวเสี่ยงเน้นปันผล JASIF และ DIF

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) ว่า หลังจากที่ SET เกิด Technical Rebound และได้แรงหนุนจากการปรับพอร์ตของดัชนี FTSE รอบใหม่ไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้วันนี้มีโอกาสที่ SET จะปรับตัวลดลงหรือเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมของ BOJ และ Fed ในช่วงวันที่ 20-21 ก.ย. ซึ่งจะทราบผลในเช้าวันที่ 22 ก.ย.

ทั้งนี้ ยังมีมุมมองเชิงบวกว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้แนวโน้ม Fund Flow จากต่างชาติยังไหลเข้าหนุนดัชนีในภาพของสัปดาห์มีโอกาสกลับไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,500 จุดได้ แต่หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมายจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกและอาจจะกดดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับฐานลงไปสู่ระดับ 1,400 จุดได้เช่นกัน

ส่วนภาพรวมการลงทุนรายอุตสาหกรรมในวันนี้ ยังเน้นที่กลุ่มอาหารเนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะมีผลประกอบการในไตรมาส 3/59 ออกมาโดดเด่นหนุนให้มีแรงเก็งกำไรมากขึ้นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า โดยยังเลือก CPF และ BR เป็น Top pick ของกลุ่ม ส่วนหุ้น กลุ่ม Big Cap อาทิ กลุ่มพลังงานอาจจะถูกกดดันจากการลดลงของราคาน้ำมันดิบ ทำให้นักลงทุนจะเน้นเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวกันมากขึ้น อาทิ JAS และ TPIPL

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : BR (เป้า 9.00 บาท), CPF (เป้า 42.00 บาท) แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 เติบโตโดดเด่น

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) ว่า ภาวะการซื้อขายวันศุกร์ที่ผ่านมามีคำสั่งซื้อหุ้น Big Cap. เช่น PTT,SCC และ SCB จำนวนมากในช่วงก่อนปิดตลาด คาดเป็นผลจากการ Rebalance ในดัชนี FTSE Asia Pacific Index รอบครึ่งปี สัปดาห์นี้ติดตามการประชุม BOJ และ FOMC ขณะที่เหตุการณ์ระเบิดที่นิวยอร์คไม่ส่งผลกระทบการซื้อขายหุ้นในตลาดเอเชียเช้านี้

กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนี SET มีแนวรับ 1,460-1,470 จุด แนวต้าน 1,490-1,500 จุด แนะนำขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน

Back to top button