พาราสาวะถีอรชุน

ช่วงนี้พระพิรุณขยันเป็นพิเศษเทฝนลงมากระหน่ำกรุงเทพฯ ต่อเนื่อง จากเรื่องที่ปวดขมับจนไล่ให้คนเมืองหลวงที่กลัวน้ำท่วมไปอยู่บนดอย เล่นเอาหลายคนที่ได้ฟังออกอาการ “เอ๋อเหรอ” กันไปทีเดียว แต่ก็พอจะเข้าใจ คนที่เติบใหญ่มาท่ามกลางความสุขสบายและอาศัยอยู่ในกทม.มาช้านาน จึงมองปัญหาที่คนเห็นส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ธรรมดาเป็นเรื่องปกติ


ช่วงนี้พระพิรุณขยันเป็นพิเศษเทฝนลงมากระหน่ำกรุงเทพฯ ต่อเนื่อง จากเรื่องที่ปวดขมับจนไล่ให้คนเมืองหลวงที่กลัวน้ำท่วมไปอยู่บนดอย เล่นเอาหลายคนที่ได้ฟังออกอาการ “เอ๋อเหรอ” กันไปทีเดียว แต่ก็พอจะเข้าใจ คนที่เติบใหญ่มาท่ามกลางความสุขสบายและอาศัยอยู่ในกทม.มาช้านาน จึงมองปัญหาที่คนเห็นส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ธรรมดาเป็นเรื่องปกติ

ย้ำอีกครั้ง ช่วยไม่ได้ก็ใครใช้ให้เลือกเขาเข้ามา ขนาดว่าเดิมทีพรรคจะไม่ส่งลงสมัครอยู่แล้วเชียว งานนี้ คนกรุงเทพฯ ได้แต่ก้มตารับชะตากรรม แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์ดี๊ด๊าเป็นพิเศษ เพราะเลือกตั้งครั้งต่อไปคุณชายหมูคงโบกมือบ๊ายบายไม่ขอลงทำแฮตทริก ส่วนอีกมุมก็ถือเป็นเรื่องหนักหากคู่แข่งนำภาพความเสียหายจากความไม่ใส่ใจของตัวแทนพรรคเก่าแก่มาใช้หาเสียง

ไม่จำเป็นต้องบอกว่าเป็นความผิดพลาดหรือสาดโคลนให้เสียหาย เพียงแค่บอกว่าถ้าเลือกคนนี้ พรรคนั้นเข้าไป จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนอย่างภาพที่เห็นเท่านี้ก็น่าจะเป็นการลดทอนคะแนนนิยมของคนพรรคเก่าแก่ไปได้ไม่น้อย ที่สำคัญหากคราวหน้า พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ ยังสนใจไม่ใส่สีเสื้อพรรคลงสมัครและรัฐบาลไม่ใช่พรรคของนายใหญ่ ใครๆ ก็น่าจะเทคะแนนให้

ต้องไม่ลืมว่า การเลือกตั้งเมื่อปี 2544 ที่ ทักษิณ ชินวัตร นำพาพรรคเกิดใหม่อย่างเพื่อไทยกวาดคะแนนเสียงถล่มทลายรวมถึงในพื้นที่กทม.ด้วยก็เพราะความเบื่อหน่ายที่มีต่อประชาธิปัตย์ แต่หลังจากที่นายใหญ่กุมอำนาจยาวนานด้วยนิสัยของคนกรุงเทพฯ ที่ไม่อยากเสียหน้าว่าคิดเหมือนคนรากหญ้า เลยต้องออกมาเลือกคนพรรคเก่าแก่ให้เป็นผู้ว่าฯ กทม.ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น

ผลก็เป็นอย่างที่เห็น ถ้ายังคงนิยมชมชอบกันต่อไปก็ช่วยไม่ได้ น้ำจะท่วม รถจะติด ชีวิตมีปัญหาก็ไม่ต้องไปเที่ยวใครต่อใครรวมไปถึงคนที่เลือกมาให้แก้ปัญหาด้วย ส่วนที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งให้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปตรวจสอบกทม.ว่าทำไมถึงปล่อยให้น้ำท่วม สุดท้าย คงไม่มีอะไรในกอไผ่ ในเมื่อล้วนแต่เป็นคนกันเอง

ฟังท่านผู้นำท้าคอลัมนิสต์ทั้งหลาย เก่งจริงให้ไปลงเลือกตั้ง ไม่ต้องมานั่งวิพากษ์วิจารณ์การเมือง โถ! ถ้ากติกาการเลือกตั้งเป็นอย่างที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญทำกันอยู่ สมัครไปก็ไร้ประโยชน์เพราะสุดท้ายอำนาจทั้งหลายแหล่มันถูกจับมัดประเคนไปให้ “พวกลากตั้ง” หมดแล้ว ความจริงต้องบอกว่า ถ้าแน่จริงให้มารัฐประหารแข่งผมสิถึงจะถูก

คงไม่ต้องบอกกันต่อว่า คุณสมบัติที่ดีของผู้นำนั้นคืออะไร ต้องรับฟังเสียงสะท้อนให้มากแล้วบริหารจัดการให้เป็น ไม่ใช่เอาแต่สั่ง ทั้งหมดนี้คือการบริหารงานที่เขาเรียกว่าธรรมาภิบาลแบบโลกทุนนิยมหรือสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ ส่วนใครจะเลือกเข้าใจหรือจะอ้างว่ามันต้องเป็นแบบไทยสไตล์หรือไทยแลนด์ โอนลี่ ก็สุดแท้แต่ที่จะตะแบงกันไป

ปฏิกิริยาของชาติประชาธิปไตยนั้น น่าจะเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจน วันวานเพิ่งพูดถึงกรณีปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งสหรัฐอเมริกาลดระดับการแก้ปัญหาเรื่องนี้ของไทยไปอยู่ที่ระดับเทียร์ 3 ตามมาด้วยอียูเตรียมควักใบเหลืองให้กับปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมายหรือไอยูยู พร้อมตีกรอบเวลาให้แก้ปัญหา 180 วัน ล่าสุด มีปมเกี่ยวข้องกับการบินจากญี่ปุ่นให้เป็นประเด็นน่าติดตาม

อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือ ICAO ได้มีมาตรการสั่งให้กรมการบินพลเรือนของไทยปรับปรุงมาตรฐานในการปฏิบัติงาน หลังจากตรวจสอบพบว่าไม่มีมาตรฐานในการออกใบอนุญาตการบินตามเกณฑ์ของ ICAO โดยขีดเส้นให้ดำเนินการและจะมีการประเมินผลภายในเดือนพฤษภาคมนี้

แต่ปรากฏว่าญี่ปุ่นได้เห็นสัญญาณดังกล่าวจาก ICAO จึงได้มีคำสั่งห้ามสายการบินที่เดินทางไปจากประเทศไทยเพิ่มเที่ยวบินและปรับขนาดเครื่องบิน จนกว่าจะมีการดำเนินการแล้วเสร็จตามมาตรการที่ทาง ICAO กำหนดไว้ เท่ากับว่า บรรดาสายการบินทั้งหลายที่หวังจะกอบโกยรายได้ในช่วงหยุดยาวสงกรานต์และโบนัสพิเศษจากรัฐบาลในช่วงวันแรงงานออกอาการเหี่ยวกันเป็นแถว

คนที่อึ้งมากที่สุดคือ พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่แสดงความไม่เข้าใจต่อการปฏิบัติดังกล่าวของญี่ปุ่น แต่คำถามที่ทำให้รองหัวหน้าคสช.ต้องตอบเสียงอ่อยๆ ก็คือ สิ่งที่พี่ยุ่นดำเนินการนั้นเป็นเรื่องการคว่ำบาตรไทยกลายๆ หรือเปล่า บิ๊กจินตอบว่า ไม่น่าจะใช่ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับวิชาชีพไม่ใช่ปมทางการเมือง

เจ้ากระทรวงหูกวางพูดมาก็น่าเชื่อถืออยู่หรอก หากไม่มีเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่ ชินโซะ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่นกระตุ้นให้บิ๊กตู่รีบจัดการเลือกตั้งคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนโดยเร็ว ในคราวที่เชิญไปเยือนแดนอาทิตย์อุทัย จนผู้นำจากไทยแลนด์ต้องอ้อมแอ้มตอบไปว่าน่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งได้อย่างเร็วปลายปีนี้หรือไม่เกินต้นปีหน้า

จะเห็นได้ว่าไม่ใช่เฉพาะซีกโลกตะวันตกเท่านั้นที่แสดงท่าทีไม่อยากสังฆกรรมกับประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ยักษ์ใหญ่ในเอเชียที่หวังว่าน่าจะเข้าใจคนผิวเหลืองเหมือนกัน ยังมีท่าทีหมางเมิน จะมีที่ไม่ยอมห่างเหินสนับสนุนมาต่อเนื่องก็คือ จีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งคงไม่ต้องให้บอกว่า เป็นประเทศประชาธิปไตยหรือไม่และเขาหวังอะไรจากการสนับสนุนรัฐบาลคสช.

วันนี้มีประชุมครม.นอกสถานที่ที่หัวหิน แบไต๋มาจากบิ๊กตู่หลังเดินทางกลับจากการเยือนบรูไน อาจจะมีการยกเลิกกฎอัยการศึก แต่จะใช้กฎหมายไหนมาบังคับใช้คงต้องรอดูกัน เป็นพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.มั่นคงฯ หรือมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนั้น คงไม่ได้เป็นผลมาจากความเคลื่อนไหวในประเทศ หากแต่น่าจะมาจากแรงกดดันขององค์กรระหว่างประเทศบวกเข้ากับภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่มากกว่า

Back to top button