อัยการศึกทาปากทายท้าวิชามาร

หนังสือพิมพ์ The Guardian ของอังกฤษเพิ่งสัพยอกประเทศไทยยุครัฐประหารว่า ขายภาพ “เหนือจริง” (Surreal) เช่น จัดงานท่องเที่ยววิถีไทยเสนอภาพชนบทในอดีตเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ขณะที่คำพูดคำจาก็ย้อนแย้ง เช่นอนุญาตให้ทำโพลล์ได้แต่ต้องไม่ใช่โพลล์ต้าน คสช. หรือบอกว่าไม่ได้จำกัดเสรีภาพสื่อแต่เสรีภาพต้องมีขีดจำกัด


หนังสือพิมพ์ The Guardian ของอังกฤษเพิ่งสัพยอกประเทศไทยยุครัฐประหารว่า ขายภาพ “เหนือจริง” (Surreal) เช่น จัดงานท่องเที่ยววิถีไทยเสนอภาพชนบทในอดีตเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ขณะที่คำพูดคำจาก็ย้อนแย้ง เช่นอนุญาตให้ทำโพลล์ได้แต่ต้องไม่ใช่โพลล์ต้าน คสช. หรือบอกว่าไม่ได้จำกัดเสรีภาพสื่อแต่เสรีภาพต้องมีขีดจำกัด

นี่ขนาดฝรั่งยังไม่ได้ฟังคำว่า “ประชาธิปไตย 99.99%” ยังไม่เห็นมติ ครม. ให้แต่งชุดไทยเล่นน้ำสงกรานต์ และยังไม่ได้ดูข่าวล่าสุดที่จะยกเลิกกฎอัยการศึกแล้วใช้มาตรา 44 แทน

ตลกจัง ก็ไหนว่ากฎอัยการศึกไม่ทำให้ใครเดือดร้อนแล้วยกเลิกทำไม โฆษกไก่อูเพิ่งอ้างว่าทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เมื่อปลายปีที่แล้ว ททท.ก็ชูกฎอัยการศึกเป็นจุดขาย

ถามว่ากฎอัยการศึกต่างกับมาตรา 44 ตรงไหน ก็ตรงที่กฎอัยการศึกมีศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Martial Law ซึ่งบริษัทประกันภัยเดินทางท่องเที่ยวไม่ยอมรับ แต่มาตรา 44 ไม่มีในภาษาฝรั่ง คงคิดว่ายกเลิก Martial Law แล้วชาวโลกจะเชื่อว่าประเทศไทยเป็นปกติสุขกระมัง

ทั้งที่มาตรา 44 หนักกว่าอีก มีอำนาจประหารชีวิตโดยไม่ต้องใช้ศาล เหมือน ม.17 ย้อนยุคเผด็จการสฤษดิ์เป็นอำนาจเบ็ดเสร็จเหมือนตอนรัฐประหารใหม่ๆ ยังไม่มีรัฐธรรมนูญ คสช.ออกประกาศคำสั่งเป็นกฎหมายสูงสุดอยู่เหนืออำนาจนิติบัญญัติอำนาจบริหารอำนาจตุลาการ

แน่ละ เลิกกฎอัยการศึกแล้วคสช.ไม่ได้บอกจะใช้มาตรา 44 โดยตรง แต่จะออกคำสั่งเป็นกฎหมายทดแทน กระนั้นถามว่าคำสั่งตามมาตรา 44 จะให้สิทธิเสรีภาพมากกว่าอัยการศึกไหม ดูแนวโน้มแล้วเป็นไปได้ยากคสช.ก็จะบอกว่าสถานการณ์ยังไม่สงบ ยังห้ามเคลื่อนไหวห้ามมีความเห็น ยังให้อำนาจทหารเช่นเดิมทุกประการ ยังให้อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาโดยไม่ต้องขอหมายศาล ยังให้พลเรือนขึ้นศาลทหารโดยเป็นศาลชั้นเดียว ฯลฯ

ถามว่าเลิกทำไม เลิกเพียงเพื่อไม่ให้นานาชาติแสลงใจคำว่า Martial Law เท่านั้นหรือ เหมือนร่างรัฐธรรมนูญเร่งให้มีเลือกตั้ง เพื่อหลอกฝรั่งว่าเป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ถอยหลังย้อนยุคไปยิ่งกว่าสมัยพลเอกเปรม

การยอมเลิกกฎอัยการศึกแสดงว่า คสช.รู้ดีว่ากำลังเผชิญแรงกดดันอย่างสูงทั้งในและนอกประเทศ แต่ก็ยังพยายาม surreal ยกเลิกแค่ถ้อยคำ เหมือนที่ปกครองประเทศมา 10 เดือนก็บอกว่าไม่ใช่ “เผด็จการ” เป็นประชาธิปไตย 99.99% แต่พอมีคนโปรยใบปลิวต่อต้านเผด็จการ เชิดชูประชาธิปไตย ท่านก็สั่งไล่ล่า

คสช.เข้ามาใช้อำนาจบังคับสังคมที่ขัดแย้งรุนแรงให้เป็นสังคม “ปลอดการเมือง” โดยพยายามวางตัว “เป็นกลาง” ซึ่งเอาเข้าจริงก็รักษาความเป็นกลางได้ยากเพราะรัฐราชการมีทัศนะโน้มเอียง การใช้อำนาจเด็ดขาดผ่านรัฐราชการที่ด้อยประสิทธิภาพไม่สามารถสร้างผลงานอย่างท่านคิด ความพยายามจะร่างรัฐธรรมนูญรวมศูนย์อำนาจเพื่อปกป้อง “ความมั่นคงของชาติ” ในระยะ 5-10 ปีก็กำลังถูกต่อต้านอย่างหนักจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่

10 เดือนผ่านไป คสช.ถูกต่อต้านท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็พยายามจะใช้อำนาจบังคับมากขึ้น ซึ่งทำได้ยาก ในขณะที่ภาคเศรษฐกิจต้องเปิดรับการค้าการลงทุนจากต่างชาติ ต้องเผชิญแรงกดดันเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวโลก ซึ่งถ้าตอบโต้ไม่เหมาะสม ก็กระทบภาพลักษณ์หนักยิ่งขึ้นอีก

คสช.ไม่ล้มง่ายหรอกครับ เพราะกองทัพเป็นเอกภาพ เพราะมีคนชั้นกลางสุดโต่งสนับสนุน แต่ระวังปัญหาด้านต่างๆ จะ “เกินกำลัง” ของ คสช.

Back to top button