KCE บวก 2.55% ลุ้นรายได้ปีนี้โตแกร่ง จากยอดออเดอร์ที่เพิ่มขึ้น

KCE บวก 2.55% ลุ้นรายได้ปีนี้โตแกร่ง จากยอดออเดอร์ที่เพิ่มขึ้น ล่าสุด ณ เวลา 10.51 น. ราคาอยู่ที่ 100.50 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 2.55% สูงสุดที่ 101.50 บาท ต่ำสุดที่ 98.75 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 144.82 ล้านบาท โบรกฯ แนะ “ซื้อ” ชูเป้า 116 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ณ เวลา 10.51 น. ราคาอยู่ที่ 100.50 บาท บวก 2.50 บาท หรือ 2.55% สูงสุดที่ 101.50 บาท ต่ำสุดที่ 98.75 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 144.82 ล้านบาท 

KCE20170210

นายพิธาน องค์โฆษิต กรรมการผู้จัดการ  บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 60 จะเติบโตได้ 10-15 % จากได้รับคำสั่งซื้อของลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น และจากลูกค้าเก่าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้ราว 97% มากจากต่างประเทศ และอีก 3% เป็นในประเทศ

ทั้งนี้ จากการดำเนินโยบายต่างๆของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยเฉพาะเรื่องการปรับขึ้นภาษีการนำเข้า บริษัทยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อ KCE เนื่องด้วยบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐเพียง 20% ใกล้เคียงกับตลาดเอเชียที่อยู่ในระดับ 20% ขณะที่ตลาดหลักคือ ยุโรป 60% แต่กลับมองเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทฯมากกว่า เนื่องจากคู่แข่งส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตในจีน ซึ่งหากนายทรัมป์ดำเนินนโยบายจริง ก็น่าจะทำให้จีนน่าจะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับ สินค้าของบริษัทเป็นเพียงชิ้นส่วนไม่ใช่สินค้าสำเร็จรูป และเป็นสินค้าที่ตลาดในสหรัฐยังมีความต้องการอยู่

“เรายังคงตั้งเป้าการเติบโตเหมือนปีที่ผ่านๆมา ราว 10-15% ส่วนใหญ่จะมาจากลูกค้าเก่าที่มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงในปีนี้ก็ยังกังวลเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่า และเรื่องของต้นทุนราคาทองแดงที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้เราต้องสต็อคสินค้าไว้เพิ่มเพื่อควบคุมต้นทุน ส่วนเรื่องของนโยบายทรัมป์ก็ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อมองตัวนโยบายเรื่องของภาษีการนำเข้า หากดำเนินการ เรามองว่าน่าจะส่งดีต่อเรามากกว่าเพราะจีนถือเป็นคู่แข็งหลักกับเรา”นายพิธาน กล่าว

 

ด้านบล.ดีบีเอสฯ แนะนำ “ซื้อ” KCE ราคาเป้าหมาย 116 บาท/หุ้น โดยคาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 4/59 เป็น 739 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน, ลดลง 5% จากไตรมาสก่อน) สาเหตุที่อ่อนลงเทียบไตรมาสก่อนเพราะเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล แต่ที่เติบโตได้ดีเทียบปีก่อนคือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นดี เพราะมีการขยายการผลิตใหม่ เฟส 2 ในปี 2559 ซึ่งใช้กำลังการผลิตเต็มที่มาตั้งแต่ไตรมาส 2/59 อีกทั้งอัตรากำไรเพิ่มขึ้นมาเป็น 36% จากไตรมาส 4/58 ที่ 33.8% สำหรับกำไรหลักตลอดปี 59 เป็น 3,012 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อน) ด้วยเหตุผลเดียวกับไตรมาส 4/59

โดยคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐานใหม่ที่ลดลงเป็น 116.00 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 60 ที่ 18 เท่า (เพิ่มขึ้น 1.5 SD จากค่า Mean) เพื่อสะท้อนอัตราการเติบโตกำไรที่สูง ปี 59/60/61 เป็น 35%/24%/20% เทียบปีก่อนตามลำดับ และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROAE) ที่สูง ปี 60 เป็น 31.9%

Back to top button