เก็ง 15 หุ้นมีสตอรี่คาดกำไร Q1/58 ออกมาสวยSET ฟื้นตัวต่อ จับตารัฐฯออกโรงแก้ปัญหา ICAO

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้สำหรับแนวโน้ม SET ระยะสั้นฟื้นตัวต่อเนื่อง ขานรับรอการยกเลิกกฎอัยการศึกอย่างเป็นทางการ ขณะที่จับตาการตั้งคณะทำงานแก้ปัญหา ICAO ภายใน 1 เดือน สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นสะสมหุ้นที่มีพื้นฐานดีคาดการณ์กำไรไตรมาส 1/58 ออกมาดี ได้แก่ AIT, STPI, AOT, AAV, CBG, NOK, WHA, CENTEL, ERW, MINT, KTC, SAWAD, THCOM, GUNKUL และ BDMS


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.07 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 32.49 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยการนำของหุ้นกลุ่มวัสดุและหุ้นกลุ่มผู้บริโภค หลังจากที่ตลาดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวานนี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้สำหรับแนวโน้ม SET ระยะสั้นฟื้นตัวต่อเนื่อง ขานรับรอการยกเลิกกฎอัยการศึกอย่างเป็นทางการ ขณะที่จับตาการตั้งคณะทำงานแก้ปัญหา ICAO ภายใน 1 เดือน สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นสะสมหุ้นที่มีพื้นฐานดีคาดการณ์กำไรไตรมาส 1/58 ออกมาดี ได้แก่ AIT, STPI, AOT, AAV, CBG, NOK, WHA, CENTEL, ERW, MINT, KTC, SAWAD, THCOM, GUNKUL และ BDMS

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (1 เม.ย.) ว่า สำหรับแนวโน้ม SET ระยะสั้นมีจังหวะ “ฟื้นตัว” ต่อ จาก 1) รอการยกเลิกกฎอัยการศึกอย่างเป็นทางการ 2) การเข้าซื้อของ Trigger Fund 5-6 พันล้านบาท 3) ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวในเดือน ก.พ. ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อหนุนสภาพคล่องในประเทศ 4) ญี่ปุ่นให้เวลา Charter Flight บินเข้าญี่ปุ่นต่อไปอีก 2 เดือนหนุน AOT และสายการบิน และ 5) SET เกิดสัญญาณ Morning Star เป็นสัญญาณ “กลับตัว” ทางเทคนิค

พอร์ตหลักรอยืนยันการ “ฟื้นตัว” ไปก่อนเนื่องจากปริมาณการซื้อขายยังไม่สนับสนุน และแนะนำ “ซื้อ” AOT หลังทดสอบแนวรับ 275 บาท ยังไม่หลุด ขณะที่ญี่ปุ่นผ่อนผันให้ Charter Flight บินเข้าประเทศต่อไปอีก 2 เดือน รอกรมการบินพลเรือนไทยปรับปรุงคุณภาพ เป็นจังหวะ “ซื้อ” รวมไปถึง “เก็งกำไร” AAV ด้วยแนวต้าน 5.30ต้าน 5.30

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ (1 เม.ย.) ว่า  คงมุมมองการลงทุนเป็น “กลาง” วันที่ 9 ภาพการลงทุนในช่วงก่อนเข้าสู่ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ขึ้นอยู่กับ เม็ดเงินของกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ปิดการขายไปแล้ว 4 กองทุน และอยู่ระหว่างการปิดในสัปดาห์นี้อีก 4 กองทุน และเม็ดเงินทุนต่างชาติที่เริ่มเห็นสัญญาณการเข้ามา Selective Buy หุ้นไทยต่อเนื่อง หากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศทรงตัวเหมือน ณ ปัจจุบัน คาดว่า SET INDEX มีโอกาสขยับในลักษณะ Sideways-to-Sideways-Up ไปทดสอบแนว 1,520-1,525 จุด ภายใต้มูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง 3.0 หมื่นล้านบาท/วัน +/- ในช่วงวันหยุดคาบเกี่ยวกลางเดือนเม.ย. แม้ว่าภาพในวันนี้ SET INDEX แกว่งระหว่าง 1,490-1,515 จุด ก็ตาม

ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.พ.ของไทยที่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว ได้แก่ การลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัว บวกกับจำนวนนักท่องเที่ยวเดือนก.พ.เติบโต 29% yoy และ 1% mom บวกกับการเกินดุลการค้า ทำให้ภาพรวมของดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลแตะระดับ US$3.5 พันล้าน มากเพียงพอที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากฐานะการเงินของประเทศ สะท้อนกลับมายังค่าเงินบาทที่แข็งค่าราว 5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างการซื้อขายวานนี้

แน่นอนว่าปัญหาของ ICAO กลายเป็นปัญหาระดับประเทศ นายกฯ และ รมว.คมนาคม จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นไปตามเกณฑ์ของ ICAO ภายใน 1 เดือน รวมถึงการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก น่าจะเรียกความเชื่อมั่นในกลุ่มท่องเที่ยว บวกกับราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลงราว US$1/Barrel คืนวานนี้ ย่อมเป็นบวกในเชิงพื้นฐานที่ช่วยจำกัด Downside risk ของหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

เมื่อเม็ดเงินใหม่ที่เกิดจากการทยอยปิดขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ และแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยอาจไม่หนาแน่น แต่เป็นการเลือกลงทุนรายตัว เราแนะนำให้นักลงทุนอาจซื้อเก็งกำไรเล่นรอบได้มากขึ้น แนวรับ 1,495-1,500 จุดจะทำงานได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงสั้นนี้ โดยเน้นหุ้น High Beta และ/หรือ หุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานใน 1Q58 เติบโตเด่น เป็นเกณฑ์

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “นักลงทุนที่เก็งกำไรหุ้นรายตัว อาจใช้เกณฑ์ผลตอบแทนจากการลงทุนราว 5-10% เป็นการตัดสินใจขายทำกำไรเช่นเดิม ขณะที่หุ้นเป้าหมายปรับฐานลงแรง ก็กลายเป็นจังหวะของการเข้าสะสมเก็งกำไรรอบสั้นเช่นกัน” หรือ “ขึ้นแรงขาย / ลงแรงซื้อ” เช่นเดิม

Accumulative Buy: WHA

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (1 เม.ย.) เชื่อว่าภาพใหญ่ ทั้งประเด็นทางการเมือง และเศรษฐกิจ ยังกดดัน SET แกว่งตัวลง และน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,510-1,485 จุด ซึ่งเป็นระดับค่า PER 14.5 เท่า เป็นโอกาสสะสมหุ้นรายตัว PER ต่ำ & ปันผลสูง (AIT(FV@B53) จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในเดือน 21 เม.ย.) โดยยังเลือก STPI([email protected]) เป็น Top Pick เป็นหุ้น Laggard และระยะสั้นมีโอกาสได้งานใหม่สูงมาก

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 เม.ย.) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ย่อตามปัจจัยลบภายนอก รอซื้อเก็งสั้น

คาดดัชนีวันนี้เปิดลง(แต่มองไม่หลุด 1500 จุด)แนะเก็งกำไรเร็ว ปัจจัยภายนอกไม่ดี หลังหุ้นสหรัฐและยุดรปลง 1.1% เท่ากัน รับราคาน้ำมันที่ปรับฐานอีกครั้งหลังปริมาณผลิตน้ำมันกลุ่มโอเปกมี.ค.สูงกว่าคาด ผู้ว่าเฟดริชมอนด์เชียร์ให้สหรัฐขึ้นดอกเบี้ยเดือนมิ.ย.กดดันจิวิทยาช่วงสั้นและเงินเฟ้อเบื้องต้นเดือน มี.ค.ของยุโรป -0.1% สะท้อนความเสี่ยงต่อเงินฝืดยังมีอยู่ อย่างไรก็ดี คาด ดัชนีลงไม่แรงหลังมีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติบางส่วนจะปรับพอร์ตเพิ่มหุ้นไทยมากขึ้น หลังนายกทูลเกล้าฯยกเลิกกฎอัยการศึกแล้ว แนะซื้อเก็งสั้นช่วง SETย่อ และให้ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ชี้ทิศทางดอกเบี้ย

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร CBG,กลุ่มขนส่งทางอากาศ (AOT, AAV,NOK)

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 เม.ย.) ว่า วันนี้คาดว่าตลาดจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศจากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว หลังมีรายงานว่าดัชนีราคาบ้านทั่วสหรัฐ ที่ขยับขึ้นเพียง 4.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 4.6% ในเดือนธ.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกประจำเดือนมี.ค.ขยับขึ้นสู่ระดับ 46.3 จากระดับ 45.8 ในเดือนก.พ.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2552

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากที่ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ได้เปิดเผยว่า เขาคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอัตราว่างงานของสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่เร็วขึ้น

กลยุทธ์วันนี้ แนะนำให้หาจังหวะการเข้าซื้อหุ้นหากดัชนีปรับลดลง ไปต่ำกว่า 1,500 จุดและขายทำกำไรระยะสั้นหากมีการรีบาวด์ระหว่างวัน โดยเน้นเข้าเก็งกำไรในหุ้นที่มี story หรือคาดว่าจะมีกำไรโดดเด่นในไตรมาส 1/58 อย่าง CENTEL ERW MINT KTC SAWAD THCOM GUNKUL BDMS วันนี้ให้แนวรับที่ 1495-1500 และแนวต้านที่ 1512-1515 จุด

Back to top button