ปรับหมากกลยุทธ์ ภาคบ่าย – บล.เอเซีย พลัส

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส สรุปทิศทางและแนวโน้มตลาดบ่ายนี้


SET Index กำลังขึ้นเผชิญด่านสำคัญที่ 1,538 จุด หากผ่านได้ด่านถัดไปอยู่ที่  1,547 จุด  กลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นที่คาดจะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงที่มี PER ต่ำ และปันผลสูง อย่าง ASK ([email protected]) และ SPALI ([email protected]) และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการคง VAT ในอัตราเดิมที่ 7% อย่าง ROBINS (FV@B64) และ CPALL(FV@B53)

มุมมองและการวิเคราะห์ :

– ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังคงยืนในแดนบวกจ่อได้ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ระดับ 1.46% ตามมาด้วยตลาดหุ้นไต้หวัน +0.97% ตลาดหุ้นฮ่องกง +0.47% ตลาดหุ้นมาเลเซีย +0.11% ตลาดหุ้นเกาหลี +0.03% และตลาดหุ้นสิงคโปร์ +0.05% ขณะที่มีเพียง 2 ประเทศ คือ ตลาดหุ้นอินโดนิเซียและตลาดหุ้นจีนที่ปรับลดลง 0.37% และ 0.06% ตามลำดับ

– SET Index ช่วงเช้านี้ยังบวกต่อเนื่อง 0.81% หรือเท่ากับ 12.33 จุด ปิดที่ 1,537.91 ด้วยมูลค่าซื้อขายครึ่งวันเช้าสูงสุดในรอบสัปดาห์ที่ 2.16 หมื่นล้านบาท ทำให้สัปดาห์นี้ SET Index ฟื้นตัวขึ้นได้ถึง 2.85% โดยมีสถาบันในประเทศและพอร์ตโบรกเกอร์เป็นผู้ซื้อสุทธิหลัก ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็น Trigger Fund ที่มีการเสนอขายไปในช่วงเดือน มี.ค.58 จำนวน 4 กองขนาดรวมกันกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งสามารถเข้าซื้อหุ้นได้ตั้งแต่กลาง มี.ค.58 คาดว่าเม็ดเงินของ Trigger Fund ดังกล่าวได้เข้าซื้อหุ้นไปมากพอสมควรแล้ว หากดูจากการซื้อของสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ 17 มี.ค.58

– ปัจจุบัน สูงถึง 7.6 พันล้านบาท อาจทำให้การซื้อต่อนับจากนี้เบาลง นอกจากนั้นยิ่งดัชนีปรับพุ่งขึ้นสูง แรงจูงใจที่จะซื้อเพิ่มก็จะลดลง เนื่องจากในแต่ล่ะกองจะมีเป้าหมายทำกำไรโดยอยู่ที่ 3-8% โดยในช่วง 3 วันที่ผ่านมา SET Index สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้กว่า 2% เช่นเดียวกับการออกกอง Trigger Fund ใหม่ๆ เชื่อว่าจะมีน้อยลง หากดัชนีปรับขึ้นต่อ เนื่องจาก Valuation เริ่มกลับมาแพงโดย Current PER ของ SET Index กลับมาที่ 18.4 เท่า สิ่งที่ต้องระวังก็คือการขึ้นของดัชนีรอบนี้มีแรงซื้อจากพอร์ตโบรกเกอร์ที่เข้ามามากที่สุดในรอบ 5 เดือน เชื่อว่าจะเป็นแรงเก็งกำไรไล่ตามตลาด ลุ้นทำกำไรระยะสั้นมากกว่าที่จะถือระยะยาว ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การเคลื่อนไหวของดัชนีขาดความเสถียร สุดท้ายแล้วหากไม่มีแรงซื้อจากกลุ่มอื่นๆมาดันดัชนีต่อ (นักลงทุนต่างประเทศวานนี้ขายสุทธิหนักถึง 2.2 พันล้านบาท) คาดว่าพอร์ตโบรกเกอร์จะขายทำกำไรออกกดดันให้ดัชนีต้องปรับลดลงอีกครั้ง

– ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจสหรัฐ ยังคงชะลอตัว โดยวานนี้ดัชนี ISM การผลิตเดือนมี.ค.ลดลง 2.7% จากเดือน ก.พ. ลงมาที่ 51.5 นับว่าเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ทั้งนี้เป็นผลจากการชะลอคำสั่งซื้อใหม่ ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐใน 1Q58 มีแนวโน้มชะลอตัว หรือทรงตัวเมื่อเทียบกับงวด 4Q57 ซึ่งเป็นเหตุผลสนับสนุนให้ Fed ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยฯ ครั้งแรก ออกไปในช่วงปลายปี 2558 หรือต้นปี 2559 หรือ เมื่อดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ ๆ เข้าสู่เป้าหมายคือ เงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมายที่ 2% มากขึ้น และเศรษฐกิจเข้าสู่การจ้างงานเต็มที่ หรือที่ราว 5.2-5.3% (เดือน ก.พ. 5.5%)ซึ่งสอดคล้องกับ Fed funds futures เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่คาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยฯ ครั้งแรกจะอยู่ในช่วงเดือน ต.ค. 2558 ซึ่งยังคงต้องติดตามการประชุมของ Fed ในครั้งถัดไป ( 28-29 เม.ย.) ถึงมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยว่ามีท่าทีอย่างไร

– SET Index  ฟื้นตัวขึ้นแรงต่อเนื่อง จนล่าสุดกำลังขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญที่วางไว้ที่ 1,538 จุด หากผ่านได้จะมีแนวต้านด่านถัดไปที่ 1,547 จุด แต่หากไม่ไปต่อ ดัชนีมีโอกาสลงมาพักตัวโดยมีแนวรับที่ 1,517 และ 1,504 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Investment Tactic:  เลือกหุ้นพื้นฐานที่คาดจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงเป็น Top picks คือ ASK([email protected]) และ SPALI([email protected]) ปัจจุบันมีค่า PER เพียง  เท่า และ 6.3 เท่า อีกทั้งยังมีเงินปันผลสูง  7.9% และ 6.4% และ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากรัฐบาลคงอัตรา VAT ที่ 7% คือ ROBINS และ CPALL

– Portfolio Update : ASK, SPALI 

 

Back to top button