IVL ยังสดใส

แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 58 ของ IVL เบื้องต้นเติบโตดีต่อเนื่อง ได้รับผลบวกจากปริมาณการผลิตสินค้าที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนความคืบหน้าเข้าซื้อกิจการ Performance Fibers น่าจะแล้วเสร็จได้ภายในช่วง 1-2 เดือนนี้ ช่วยสนับสนุนกลุ่มสินค้า HVA ให้มีความแข็งแกร่งกว่าเดิม


กรณี บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือIVL ประกาศเข้าซื้อกิจการ PET ในประเทศไทยและกิจการ PTA ในประเทศแคนาดา ถือเป็นปัจจัยหนุนที่ช่วยเสริมโอกาสความเติบโตให้แก่ตัวบริษัทในอนาคตอย่างแน่นอน

สำหรับกิจการ PET ที่ซื้อจากบริษัท บางกอกโพลีเอสเตอร์ จำกัด (มหาชน) นับเป็นผู้ผลิต PET โพลีเมอร์ส ในจังหวัดระยอง มีกำลังการผลิต 105,000 ตันต่อปี ซึ่งจะสามารถนำมาต่อยอดโครงการ PTA ของบริษัทที่อยู่ในจังหวัดระยองเช่นกัน รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสหาลูกค้ารายใหม่อีกด้วย

ขณะที่การเข้าซื้อกิจการ PTA ของ CEPSA Chimie Montreal s.e.c. ที่เมือง Montreal ประเทศแคนาดา มีกำลังการผลิต 600,000 ตันต่อปี ซึ่งจะเป็นการช่วยซัพพอร์ตการทำธุรกิจของ IVL เพื่อเจาะตลาดในอเมริกา อีกทั้งจะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้กับบริษัท จากเดิมที่จะต้องนำเข้าวัตถุดิบเป็นหลัก

โครงการ PET และ PTA ที่บริษัทประกาศเข้าซื้อ อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ซึ่งยังไม่สามารถที่จะสรุปตัวเลขมูลค่าลงทุนออกมาในขณะนี้ได้ แต่จะถือเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ IVL มีกำลังผลิตสินค้าได้สูงมากขึ้นกว่าเดิม

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 58 เบื้องต้นเติบโตดีต่อเนื่อง หลังจากได้รับผลบวกจากปริมาณการผลิตสินค้าที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนความคืบหน้าเข้าซื้อกิจการ Performance Fibers ยังคงอยู่ในระหว่างดำเนินการ ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จได้ภายในช่วง 1-2 เดือนนี้ ซึ่งช่วยสนับสนุนกลุ่มสินค้า HVA (ผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ) ของ IVL มีความแข็งแกร่งกว่าเดิม

จากผลการดำเนินงานสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2557 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 247,736.87 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 232,356.62 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,485.39 ล้านบาท หรือ 0.28 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,325.87 ล้านบาท หรือ 0.28 บาทต่อหุ้น

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทเพื่อเป็นตัวแปรในการตัดสินใจลงทุน พบว่าฐานะทางการเงินของบริษัทยังแข็งแกร่ง เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 72,180.19 ล้านบาท เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 48,065.72 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.51 เท่า ถือว่าสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทยังมีมากพอสมควร

ส่วนปัญหาหนี้สินไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้บริษัทมีหนี้สินรวมสูงถึง 119,933.33 ล้านบาท และเมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 75,554.76 ล้านบาท ได้ค่า D/E ที่ระดับ 159 เท่า แต่ไม่ใช่ปัญหาที่น่าเป็นห่วง เพราะบริษัทยังทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2558 เท่ากับ 32 บาทต่อหุ้น จากเดิม 30.50 บาท

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.บริษัท อินโดรามา รีซอสเซส จำกัด 3,066,038,376 หุ้น 63.69%

2.ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 230,180,944 หุ้น 4.78%

3.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 164,358,501 หุ้น 3.41%

4.CANOPUS INTERNATIONAL LIMITED 130,000,000 หุ้น 2.70%

5.นายทวีฉัตร จุฬางกูร 103,607,000 หุ้น 2.15%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นายศรี ปรากาซ โลเฮีย ประธานกรรมการ

2.นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฯ

3.นายอาลก โลเฮีย รองประธานกรรมการ

4.นายระเฑียร ศรีมงคล รองประธานกรรมการ

5.นางสุจิตรา โลเฮีย กรรมการ

Back to top button