โบรกฯเชียร์ BBL ชี้ราคาถูกสุดกลุ่มแบงก์ใหญ่แทบไม่เห็น downside ภายใต้ปัจจัยแวดล้อม

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า แม้ภาพรวมธุรกิจยังเห็นแรงกดดันจากแนวโน้มการเติบโตของ GDP ที่อาจถูกปรับลดลง แต่ค่อนข้างสบายใจได้สำหรับ BBL ซึ่งปกติมักกำหนดเป้าหมายธุรกิจต่ำอยู่แล้วทำให้ downside ขาลงของประมาณการและราคาหุ้นมีจำกัด ปันผลแตะ 4% p.a. แล้ว


บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (8 เม.ย.) ว่า ฝ่ายวิจัยคาด BBL จะมีกำไรสุทธิงวด ไตรมาส 1/58 เท่ากับ 8.97 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% จากไตรมาสก่อน (แต่ยังค่อนข้างทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน) โดยมีปัจจัยหนุนจากคาดการณ์การลดลงของค่าใช้จ่ายดำเนินงานภายหลังจากพ้นช่วงฤดูกาลไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังเห็นปัจจัยบวกจากคาดการณ์รายได้ค่าธรรมเนียมฯ ที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นค่าธรรมเนียมฯ จากการขายกองทุน และคาดการณ์การเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอื่นๆ โดยเฉพาะกำไรจากการขายเงินลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ที่สูงเกือบ 1 พันล้านบาท เทียบกับค่าเฉลี่ยปกติที่ราว 500 ล้านบาท/ไตรมาส ทำให้ช่วยชดเชยรายได้จากธุรกิจหลักอื่นๆ ที่หดตัวลง ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และ NIM ที่คาดว่าจะหดตัวแรงเช่นกันเนื่องจากคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย ตามฐานเงินฝากที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสวนทางกับคาดการณ์การลดลงของ yield จากเงินให้สินเชื่อ

สอดคล้องกับฐานสินเชื่อที่ยังค่อนข้างชะลอตัวในงวดนี้ ประกอบกับการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ลง 0.125% มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.58 นอกจากนี้ ยังเห็นผลกระทบจากการที่ธนาคารฯ ได้บริหารจัดการสภาพคล่องส่วนเกินเป็นจำนวนมากจากการระดมเงินฝากเชิงรุกที่ผ่านมา ไปหาผลตอบแทนในตลาดเงินซึ่งให้ผลตอบแทนต่ำกว่าการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว ปัจจัยบวกที่มีน้ำหนักมากกว่าจึงทำให้คาดการณ์กำไรสุทธิงวดนี้ปรับตัวสูงขึ้น

ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2558-59 โดยคาดกำไรสุทธิปี 2558-59 เติบโต 11.3% และ 11% จากปีก่อน ตามลำดับ ด้วยปัจจัยขับเคลื่อนจากทิศทางธุรกิจที่ยังเห็นการเติบโตที่
สอดคล้องกับไปการเติบโตของ GDP ที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปี 2558 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดย BBL จะให้ความสำคัญกับการเติบโตของสินเชื่อ SME ขนาดเล็กมากขึ้นเนื่องจากความพร้อมในด้านระบบและพนักงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อันจะนำมาซึ่งการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมฯ ที่เป็นไปในเชิงรุกขึ้นจากปี 2557

แนะนำซื้อ โดยราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในระดับที่ถูกมาก สะท้อนได้จาก PBV ปี 2558 ที่ต่ำเพียง 1 เท่าต่ำสุดเมื่อเทียบกับ ธ.พ.ใหญ่และยังต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ ที่ 1.6 เท่า Fair value ปี 2558 เท่ากับ 210 บาท อิง PBV 1.15 เท่า ตามวิธี GGM ภายใต้สมมติฐานคาดการณ์ ROE ที่ 12.00% ยังมี upside กว่า 18% จากราคาหุ้นปัจจุบัน

Back to top button