BTC แผลยังไม่หาย!!

หากย้อนกลับไปดูสถานการณ์ของราคาหุ้น BTC นับตั้งแต่ปี 2558 จะพบว่า ราคาหุ้นค่อยๆซึมตัวลง (ต้นปีราคาหุ้นอยู่ที่ 0.41 บาท จนปลายปีราคาหุ้นอยู่ที่ 0.19 บาท) ซึ่งลงไป 53.66% เลยเชียว


คุณค่าบริษัท

 

หากย้อนกลับไปดูสถานการณ์ของราคาหุ้น บริษัท บางปะกง เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ BTC นับตั้งแต่ปี 2558 จะพบว่า ราคาหุ้นค่อยๆซึมตัวลง (ต้นปีราคาหุ้นอยู่ที่ 0.41 บาท จนปลายปีราคาหุ้นอยู่ที่ 0.19 บาท) ซึ่งลงไป 53.66% เลยเชียว

ในขณะที่ปี 2559 ต้นปีราคาหุ้นอยู่ที่ 0.18 บาท แล้วหลังจากนั้นราคาหุ้นก็ค่อยๆ อ่อนตัวลง จนกระทั้งมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ที่บริเวณ 9-7 บาท จนจบปี และล่าสุดในปี 2560 ราคาหุ้นยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ บริเวณ 9-8 บาท แบบนี้แล้ว ยิ่งทำให้หลายคนสงสัยมากขึ้นว่า “ราคาหุ้นจะสามารถฟื้นตัวขึ้นเฉิดฉายได้ไหม

เนื่องจากบาดแผลเกี่ยวกับเรื่องของผลประกอบการยังคงเหวอะหวะอยู่ คือ ปัญหาขาดทุนสุทธิ ที่ผู้บริหารแก้ไม่ตกสักที

ดูจากผลการดำเนินงานช่วงที่ผ่านมา พบว่า “ขาดทุนต่อเนื่อง” และยังเป็นหุ้นที่ทำให้นักลงทุนมีความผิดหวังมาตลอด สำหรับปี 2551 ขาดทุนสุทธิ 457.46 ล้านบาท ต่อมาในปี 2552 ขาดทุนสุทธิ 291.41 ล้านบาท ต่อมาในปี 2553 ขาดทุนสุทธิ 270.99 ล้านบาท ต่อมาในปี2554 ขาดทุนสุทธิ 226.94 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2555 บริษัทมีกำไรสุทธิ 0.13 ล้านบาท แต่ในปี 2556 ขาดทุนสุทธิ 235.64 ล้านบาท ต่อมาในปี 2557 ขาดทุนสุทธิ 46.97 ล้านบาท และในปี 2558 ขาดทุนสุทธิ 42.54 ล้านบาท เท่ากับเป็นเครื่องยืนยันว่า หุ้นตัวนี้ไม่ใช่ทางเลือกของนักลงทุนที่เน้นคุณค่า

ส่วนผลการดำเนินงานงบปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 98.53 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 66.09 ล้านบาท แต่บริษัทกลับขาดทุนสุทธิ 53.57 ล้านบาท หรือ 0.007 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 42.54 ล้านบาท หรือ 0.01 บาทต่อหุ้น ไม่สามารถบอกได้ว่า ธุรกิจฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อไร

โดยคำอธิบายในงบการเงินบอกว่า เนื่องจากในปี 2559 บริษัทมีรายได้จากการขยายธุรกิจขนส่งในประเทศและการขยายธุรกิจการให้บริการซ่อมแซมรถบรรทุกและรถอื่นๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่และสามารถทำกำไรขั้นต้นเฉพาะธุรกิจได้ ในส่วนธุรกิจท่าเทียบเรือและโรงพักสินค้า บริษัทได้ปรับขึ้นอัตราค่าบริการกับลูกค้าเดิมบางรายจากปีก่อน แต่ธุรกิจยังคงมีขาดทุนขั้นต้นเนื่องจากมีต้นทุนคงที่ของการให้บริการเป็นสัดส่วนที่มากกว่าต้นทุนผันแปรและปริมาณสินค้าผ่านท่ายังมีปริมาณน้อยอยู่

นอกจากนี้บริษัทมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวม 152.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.48 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีต้นทุนและค่าใช้จ่าย 108.62 ล้านบาท ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นทุนการให้บริการของธุรกิจขนส่งในประเทศและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น

เนื่องจากธุรกิจท่าเทียบเรือ ซึ่งมีลักษณะเป็นท่าเทียบเรือสินค้าบรรจุตู้ (Container Terminal) โดยให้บริการกับเจ้าของเรือ เจ้าของตู้สินค้า และผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้า ไม่ใช่ธุรกิจที่ทำเงินมหาศาลอย่างรูปประธรรม เพราะธุรกิจนี้ยังขาดทุนต่อเนื่อง

BTC จึงเป็นหุ้นที่นักลงทุนต้องพึงระมัดระวังในการลงทุน เพราะภาพของธุรกิจในวันนี้ก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากวันวาน!

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายทวี กุลเลิศประเสริฐ                                 687,500,000 หุ้น  9.80%
  2. นายอาชวีร์ อังศธรรมรัตน์                                 656,250,000 หุ้น  9.35%
  3. น.ส.อรนุช งามสมประสงค์                                 395,393,500 หุ้น  5.64%
  4. บริษัท มาลาคี จำกัด                                 375,000,000 หุ้น  5.35%
  5. นายพิทยากร เนาถาวร                                 375,000,000 หุ้น  5.35%

 

รายชื่อกรรมการ

  1. พลเอกจงศักดิ์ พานิชกุล ประธานกรรมการ
  2. พลเอกจงศักดิ์ พานิชกุล กรรมการอิสระ
  3. นายสุรัตน์ ประลองศิลป์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  4. นายสุรัตน์ ประลองศิลป์ กรรมการ
  5. นายฐิติศักดิ์ สกุลครู กรรมการ

Back to top button