BCPG คาดผลดำเนินงาน Q2/60 โตแกร่ง รับผลบวกเพียบ

BCPG คาดผลดำเนินงาน Q2/60 โตแกร่ง รับผลบวกค่าเอฟทีเพิ่ม-รับรู้ฯโซลาร์เต็มไตรมาส ลุยลงทุนโครงการใหม่ในตปท.เพิ่ม


นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 จะดีขึ้นต่อไปอีก หลังจากไตรมาสแรกทำกำไรสุทธิแล้ว 454 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) , การรับรู้รายได้จากการผลิตไฟฟ้าเต็มทั้งไตรมาสของกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย 130 เมกะวัตต์ (MW) และในประเทศญี่ปุ่น 30 เมกะวัตต์ ขณะที่สภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตไฟฟ้า และการลงนามในสัญญา Settlement Agreement กับบริษัทในกลุ่ม SunEdison ที่จะชำระค่าซื้อกิจการงวดสุดท้ายทำให้เกิดกำไรจากการเข้าซื้อกิจการเพิ่มขึ้น

รวมทั้งการลงทุนในโครงการใหม่ๆ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศฟิลิปปินส์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพประเทศอินโดนีเซียที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสถาบันการเงินชั้นนำ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อนคณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติเข้าทำสัญญาซื้อหุ้นโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพดังกล่าว และจะนำเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติเพื่อเข้าทำรายการในวันที่ 13 มิถุนายน 2560

อนึ่ง ผลงานไตรมาส 1/60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 454 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 612.52 ล้านบาท หลังปรับมาตรฐานบัญชี (Restatement) ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการ SunEdison ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือน ก.พ.59 ตามผลการประเมินของบริษัทผู้ประเมินราคาอิสระ แต่หากไม่นับรวมรายการดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีกำไรในงวดไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้น 16.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

การประเมินราคาจากการเข้าซื้อกิจการ SunEdison เข้าเงื่อนไขตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินเรื่องการรวมธุรกิจ  ซึ่งกำหนดให้บริษัทว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระทำการประเมินมูลค่ากิจการเพื่อสะท้อนราคาตามความเป็นจริง และจากการประเมินซึ่งเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4/59 และรับรู้กำไรจากการต่อรองราคาไปแล้วนั้น ผู้ตรวจสอบบัญชีได้ปรับปรุงงบการเงินที่ได้จัดทำไว้เดิมเพื่อสะท้อนถึงข้อเท็จจริง ณ วันที่ซื้อกิจการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 59 จึงต้องมีการปรับปรุงรายการ ทำให้กำไรสุทธิของไตรมาสที่ 1/59 เพิ่มขึ้นจากเดิม 390.23 ล้านบาท เป็น 612.52 ล้านบาท”นายบัณฑิต กล่าว

Back to top button