PTTEP และ IRPC

วานนี้นั่งอ่านบทวิเคราะห์ และคุยกับนักวิเคราะห์หลายคนเกี่ยวกับเรื่องของ PTTEP


ลูบคมลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

 

วานนี้นั่งอ่านบทวิเคราะห์ และคุยกับนักวิเคราะห์หลายคนเกี่ยวกับเรื่องของ PTTEP

บางคนมีความเห็นและแนะนำว่า ในช่วงที่ PTTEP ยังมีปัญหาเรื่องถูกฟ้องจากรัฐบาลอินโดนีเซีย และยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดนั้นเป็นอย่างไร

ก็ได้แนะนำปรับพอร์ตหันไปเล่นหุ้น IRPC ไปพลางๆ

ยิ่งเมื่อวานนี้ IRPC แจ้งผลประกอบการออกมามีกำไรสุทธิ 2.36 พันล้านบาท

แม้จะปรับลง 21.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/59

แต่ตัวเลขกำไรสุทธินี้ ยังถือว่ามากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้จากทุกโบรกฯ เลยนะ

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์กำไร IRPC จะออกมาอยู่ระหว่าง 98 ล้านบาท ไปจนถึง 1,900 ล้านบาท

นั่นเพราะไตรมาส 1/60  มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเป็นเวลา 1 เดือน และยังอาจขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็ยังแนะนำให้ลงทุน หรือ “ซื้อ” หุ้น IRPC กันอยู่

เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน หุ้น IRPC ราคาปิด 5.70 บาท ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี

ส่วนวานนี้ปิด 5.65 บาท ก็ยังถือว่ามีความแกร่ง

ส่วนราคาเป้าหมาย ก็อยู่ใกล้ๆ 6 บาท บวกลบเล็กน้อย

กลับมาดูหุ้น PTTEP กันบ้าง

เดิมนั้น ก็คาดกันว่า หลังมีข่าวรัฐบาลอินโดฯ ฟ้องกว่า  7 หมื่นล้านบาท

ราคาหุ้น PTTEP อาจร่วงลงอย่างหนัก

แต่จริงๆ แล้วกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 93.75 บาท ปรับลงเล็กน้อยจากเมื่อวันศุกร์ที่ 5 พ.ค.ปิดที่ 94.50 บาท

ระหว่างวันของวานนี้ ราคาหุ้นต่ำสุด 93.25 บาท และสูงสุด 94.75 บาท และมาปิดตลาด 94.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากปิดตลาดเมื่อวันศุกร์

ถือว่ายืนอยู่ได้อย่างแข็งแกร่งมาก

เท่าที่คุยกับนักวิเคราะห์หลายคน พอจะสรุปๆ ได้ว่า เรื่องของ PTTEP นั้น นักลงทุนซึมซับกับข่าวนี้ไปแล้ว

คือ ข่าวนี้มันเกิดขึ้นมานานแล้ว

และต่างก็เชื่อมั่นว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบเชิงลบกับ PTTEP เท่าไหร่

หรือหากมีจริงๆ ก็จะกระทบกับราคาหุ้นในวงจำกัด

นักวิเคราะห์บางคนให้ราคาหุ้น PTTEP กรณีที่เลวร้ายที่สุด (Base case Scenario) คือ จะต้องจ่ายค่าเสียหายขึ้นมาจริงๆ (ซึ่งเป็นไปได้น้อยมาก) ว่า จะกระทบกับราคาหุ้นระหว่าง 15-17 บาทต่อหุ้น

สมมุติว่า หากราคาเป้าหมายของ PTTEP อยู่ที่ 105 บาทต่อหุ้น

ราคาที่ได้รับผลกระทบจากการถูกฟ้องก็จะลงมาเหลือ 88–90 บาทต่อหุ้น

ซึ่งนั่นก็ใกล้เคียงกับราคาหุ้นที่ปิดวานนี้

มีอีกข้อสงสัยคือ หากหนังสือฟ้องมาถึงจริงๆ แล้วล่ะ ทาง PTTEP ต้องมีการตั้งสำรองฯ หรือไม่

เรื่องนี้เข้าใจว่า วันนี้ (9 พ.ค.) ผู้บริหารของ PTTEP จะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน และก็น่าจะมีคำตอบนี้ออกมา

แต่ก็อย่างว่าแหละ หากมีการตั้งสำรองฯ ขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องย้อนกลับไปดูกรณีที่นักวิเคราะห์ดีดลูกคิดไว้ว่า กรณีเลวร้ายสุดจริงๆ นั้นจะกระทบกับราคาหุ้น 15-17 บาท

แต่หากตั้งสำรองฯ เพียงบางส่วน ก็จะกระทบกับราคาน้อยลงมาอีก

ข้อมูลที่ระบุในบทวิเคราะห์ของโบรกฯ ยังมอง PTTEP ในเชิงบวกเป็นส่วนใหญ่

เช่น บล.บัวหลวง มีมุมมองว่า  ประเด็นนี้ส่งผลลบต่อราคาหุ้น PTTEP แบบจำกัด

และประเด็นหลักๆ ที่จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นคือ “ราคาน้ำมัน” ที่ บล.บัวหลวง คาดว่าจะเห็นการ “ปรับตัวขึ้น” ในช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ค.นี้

และพื้นฐานคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 118 บาท

สรุป คือ แม้จะมีปัจจัยลบเรื่องการถูกฟ้อง แต่ก็ยังมีปัจจัยหนุนทางด้านราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นมา

ซึ่งปัจจัยบวกจะมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยลบ

Back to top button