เช็ค! ผลงาน Q1 หุ้นโรงพยาบาล”ตัวไหนปัง-ตัวไหนดับ”

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยครั้งนี้จะนำเสนอหุ้นกลุ่มการแพทย์ (Health Care Services) ซึ่งมีทั้งหมด 19 ตัวดังตารางประกอบดังนี้


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยครั้งนี้จะนำเสนอหุ้นกลุ่มการแพทย์ (Health Care Services) ซึ่งมีทั้งหมด 19 ตัวดังตารางประกอบดังนี้

สำหรับตารางผลประกอบดังกล่าวจะพบว่าหุ้นที่ทำกำไรเพิ่มขึ้นมีเพียง 6 ตัว คือ RJH,LPH,SVH ,VIBHA,BCH และ BH  โดยบริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH เป็นหุ้นที่มีกำไรเพิ่มขึ้นสูงสุดในกลุ่ม โดยไตรมาส 1/60 มีกำไร 59.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไร 41.65 ล้านบาท  เนื่องจากรายได้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นมาก

ด้านบล.ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ว่า RJH  แนวโน้มผลประกอบการทั้งปีขยายตัวโดดเด่น ประกอบกับราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก มองเป็นโอกาสในการเข้าสะสม แนะนำ”ซื้อ”ราคาพื้นฐานปี 60 ที่ 28.00 บาท

ส่วนอีก 11 ตัวคือ CHG,NTV,M-CHAI,BDMS,EKH,CMR,SKR,RAM,VIH,RPH  และ AHC เป็นหุ้นที่มีกำไรลดลง และส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่กำไรปรับลดลงเกิน 20% ส่วนหุ้นที่มีกำไรลดลงมากสุดในกลุ่มคือ บริษัท โรงพยาบาลเอกชล จำกัด (มหาชน) หรือ AHC โดยกำไรไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 30.54 ล้านบาท ลดลง 48.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 58.79 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ค่ารักษาพยาบาลลดลงมาก

ด้านหุ้นที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังมี 2 ตัว คือ บริษัท ธนบุรี เมดิเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ KDH  โดยไตรมาส 1/60 ขาดทุน 9.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.87% จากปีก่อนขาดทุน 7.07 ล้านบาท  เนื่องจากต้นทุนค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นมาก

ส่วนอีกตัวคือ บริษัท วัฒนาการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEW ไตรมาส 1/60 พลิกขาดทุน 3.83 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 2.46 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากกิจการโรงพยาบาลลดลง และต้นทุนกิจการโรงพยาบาล และค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ยังคงน้ำหนักลงทุน BULLISH กลุ่มการแพทย์ เนื่องจากเรามีมุมมองบวกต่อการเติบโตระยะยาวจากปัจจัยบวก 1) จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น (2) ค่ารักษาจากกลุ่มโรงรุนแรงสูงขึ้น (Intensity) และ 3) ผลของ Economy of scale ทำให้รายได้จากการรักษาเติบโตต่อเนื่อง และอัตรากำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น (เราคาดว่าใน 3 ปี ข้างหน้า (2017F-19F) BDMS มีกำไรสุทธิ (+13% ต่อปี) เติบโตสูงกว่า BH (+8% ต่อปี) สำหรับ รพ.ขนาดกลาง คาดว่า BCH มีกำไรสุทธิเติบโตต่อปี +22% เด่นกว่า CHG (+20% ต่อปี) และ VIBHA (+19% ต่อปี) โดยเลือก BDMS และ BCH เป็นหุ้นเด่น

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button