TASCO บวก 2.42% ปัจจัยบวกรายล้อม กูรูมองกำไร Q1/58 ทุบสถิติสูงสุดต่อเนื่อง

TASCO ณ เวลา 10.25น. ราคาอยู่ที่ 127 บาท บวก 3 บาท หรือ 2.42% สูงสุดที่ 128 บาท ต่ำสุดที่ 125.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 100.27 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.53% โบรกเกอร์มองว่าผลประกอบการยังดีขึ้นต่อเนื่อง โดยใน Q1/58 คาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ณ เวลา 10.25น. ราคาอยู่ที่ 127 บาท บวก 3 บาท หรือ 2.42% สูงสุดที่ 128 บาท ต่ำสุดที่ 125.50 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 100.27 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.53%

 

บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ระบุในบทวิเคราะห์ (21 เม.ย.) ว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของTASCO สดใสมาก โดยเฉพาะในเรื่องการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างถนน ตามงบประมาณพิเศษที่ได้รับเพิ่มเติมอีก 4 หมื่นล้านบาท ทำให้เกิดภาวะยางมะตอยขาดแคลนในประเทศ ผลประโยชน์น่าจะตกอยู่กับ TASCO มากที่สุด เนื่องจาก TASCO มีโรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซียและมีเรือขนส่งยางมะตอยเป็นของตนเองจึงสามารถนำเข้ายางมะตอยมาขายในประเทศได้

โดยคาดว่าไตรมาส 1/58 นี้ TASCO จะมีปริมาณการขายยางมะตอยในประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 80% จากปีก่อน และหนุนให้กำไรไตรมาสที่ 1/58 เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากราคายางมะตอยในประเทศที่อยู่ในระดับสูงเกือบ 600 เหรียญฯ/ตัน มากกว่าราคาอ้างอิงตลาดสิงคโปร์เฉลี่ยในไตรมาสที่ 1/58 ที่อยู่เพียง 341 เหรียญฯ/ตัน โดยผลบวกดังกล่าวน่าจะต่อเนื่องไปอีกในไตรมาสที่ 2/58 ฝ่ายวิจัยจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2558 ขึ้นจากเดิม 45% เป็น 1,665 ล้านบาท ส่งผลให้ Fair Value ที่ประเมินด้วย PER 14 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 105 บาท เป็น 152 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบัน 22.6% อีกทั้งยังมี Sentiment เชิงบวกจากกำไรไตรมาสที่ 1/58 ที่มีโอกาสสร้างสถิติ New High จึงปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น “ซื้อ”

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (21 เม.ย.) คาดว่ากำไร TASCO ในไตรมาส 1/58 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 625 ล้านบาท โดยประเมินผลประกอบการจะยังโดดเด่น และทำสถิติสุงสุดใหม่ต่อเนื่องสู่ระดับ 625 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 20% จากไตรมาสก่อน และปีก่อน 146% จากปีก่อน ได้แรงหนุนจาก ต้นทุนน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ

ขณะที่ราคาขายในประเทศอ่อนตัวลดลงเล็กน้อย ส่วนราคาขายในต่างประเทศแม้ว่าปัจจุบันจะอ่อนตัวลงค่อนข้างมากเหลือประมาณ 350-370 เหรียญ/ตัน จากระดับ 500-530 เหรียญ/ตัน ในไตรมาส 4/57 แต่เมื่อเทียบกับต้นทุนน้ำมันดิบที่ทรุดลงคิดเป็นเปอร์เซ็นต์หนักกว่า ทำให้ TASCO ยังได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (รวมสัญญาประกันความเสี่ยงและกำไร/ขาดทุนในสต็อก) จะสูงถึง 8.5% เทียบ 7.8% ในไตรมาสก่อน และ 2.7% ในปีก่อน

นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ทรุดลงทำให้ TASCO ลดภาระหนี้ที่จะต้องสต็อกวัตถุดิบลงจาก 9.4 พันล้านบาท เหลือเพียง 4 พันล้านบาท ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายลง สำหรับปริมาณขายในประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากที่หน่วยงานของรัฐบาลมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเกี่ยวกับการสร้างและซ่อมแซมถนน แม้ว่าราคาขายในต่างประเทศจะลดลง แต่ในรูปมูลค่าซื้อขายคาดจะลดลงไม่มากนักเหลือ 10,750 ล้านบาท (ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน ลดลง 11% จากปีก่อน)

อีกทั้งแนวโน้มไตรมาส 2/58 จะยังดีต่อเนื่อง ปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอีก ปัจจัยแวดล้อมปัจจุบันยังเอื้อประโยชน์ต่อ TASCO เต็มที่จากที่ต้นทุนน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับต่ำ เทียบกับราคาขายที่ปรับลดลงน้อยกว่า โดยเฉพาะตลาดในประเทศได้แรงหนุนจาก ครม.ได้มีมติเห็นชอบที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้พิจารณาอนุมัติโครงการตามแผนพัฒนาระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท

โดยให้ใช้เงินกู้วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ของกรมทางหลวง 2.5 หมื่นล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่สอง จะช่วยเพิ่มความต้องการยางมะตอยจากงบปกติที่เกี่ยวกับถนนที่เพิ่มขึ้น 24% นอกจากนี้รัฐบาลยังจัดสรรงบที่ใช้ยางพารามาผสมยางมะตอยเพิ่ม คือ งบ Para Slurry Seal เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวเป็น 2.4 พันล้านบาท ซึ่ง TASCO มีส่วนแบ่งในผลิตภัณฑ์นี้ 80%  และ Para AC เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวเป็น 4.4 พันล้านบาท ซึ่ง TASCO มีส่วนแบ่ง 75% ปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอีก ประเมินกำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 2,004 ล้านบาท เติบโต 67%

ทั้งนี้คงแนะนำ “ซื้อ” เพิ่มเป้าหมายเป็น 155 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี 2558 ต่ำเพียง 9.5 เท่า  ปัจจุบันกำไรทำ New High มากกว่ายุครุ่งเรืองของ TASCO ในปี ค.ศ. 1991-1997 ซึ่งราคาหุ้นขึ้นไปสูงสุดประมาณ 170 บาท  จากประมาณการที่เพิ่มขึ้น เพิ่มเป้าหมายขึ้นเป็น 155 บาท (จากเดิม 120 บาท) บนฐาน P/E 12 เท่า หรือ เท่ากับ PE+1SD

 

Back to top button