ขึ้นแบบไม่มีวอลุ่ม

*หลังจาก “โมนิก้า” นั่งวิเคราะห์ข้อมูล และบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ไปค่อนข้างเยอะ วันนี้เลยถือโอกาสพูดถึงบรรยากาศตลาดหุ้นสั้นๆ แค่สองพารากราฟเท่านั้น เพราะเรื่องราวทั้งหมดเป็นไปตามที่คาดคิดไว้ทุกอย่าง จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปพูดถึงเรื่องเดิมๆ ให้เปลืองพื้นที่กระดาษ และขอใช้พื้นที่ทั้งหมดที่เหลืออยู่ เม้าท์ถึงพฤติกรรมของหุ้นรายตัวที่กำลังแสดงอภินิหารอยู่ในเวลานี้ พะยะค่ะ


เจาะกระดานหุ้น :โมนิก้าและทีมงาน

 

*หลังจาก “โมนิก้า” นั่งวิเคราะห์ข้อมูล และบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ไปค่อนข้างเยอะ วันนี้เลยถือโอกาสพูดถึงบรรยากาศตลาดหุ้นสั้นๆ แค่สองพารากราฟเท่านั้น เพราะเรื่องราวทั้งหมดเป็นไปตามที่คาดคิดไว้ทุกอย่าง จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปพูดถึงเรื่องเดิมๆ ให้เปลืองพื้นที่กระดาษ และขอใช้พื้นที่ทั้งหมดที่เหลืออยู่ เม้าท์ถึงพฤติกรรมของหุ้นรายตัวที่กำลังแสดงอภินิหารอยู่ในเวลานี้ พะยะค่ะ

*สำหรับกลยุทธ์การลงทุนที่เข้ากับสถานการณ์ในสัปดาห์นี้มากที่สุดก็คือ “ช้อนซื้อเพื่อขายในราคาที่สูงกว่า” หลังนักลงทุนในประเทศหวนกลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกรอบ “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า นี่เป็นจังหวะของการเล่นรอบเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้สูงขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็อย่าคาดหวังจะได้เห็นดัชนีทะยานแบบแรลลี่ เพราะองค์ประกอบหลายอย่างไม่เอื้อต่อการลงทุนเจ้าค่ะ

*ถามว่า สถานการณ์ต่อไปจะเป็นเช่นไร? “โมนิก้า” สามารถตอบได้ทันทีว่า ดัชนีน่าจะไปได้ไม่ไกล เพราะวอลุ่มไม่หนุนอย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้การขึ้นมาปิดที่ 1,567.60 จุด บวกไป 4.49 จุด ด้วยมูลค่า 3.60 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นเพียงการยื้อเวลาลงไปอีกนิดหนึ่ง  แถมที่ผ่านมาเคยเห็นกันมาแล้วว่า เวลามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล แรงซื้อแปรเปลี่ยนเป็นแรงเทขายในทันที..จำได้ไหมเอ่ย?

*ส่วนตัวแหล่มๆ ที่พุ่งทะยานอย่างร้อนแรง และยังเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการเล่นเก็งกำไรสุดๆ และตำแหน่งดังกล่าวคงตกให้กับ ASIAN เพราะเป็นหุ้นที่นักลงทุนเข้ามาเล่นเป็นพักๆ ผนวกกับวอลุ่มการซื้อขายก็ผลุบๆ โผล่ๆ เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้ขาลุยหันมาดูหุ้นตัวนี้อีกครั้ง หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 11.90 บาท บวกไป  1 บาท หรือขึ้นไป 9.17%  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 274 ล้านบาท..น่าตามไปดูจริงๆ

*เช่นเดียวกับในรายของ BCH  ชอบทำให้คนแก่มีความหวังเป็นประจำ แต่สุดท้ายก็ท่าดีทีเหลวเป็นประจำ ขนาดรอบที่แล้วหุ้นขึ้นถึง 13.50 บาทอย่างร้อนแรง เผลอแค่แป๊บเดียวหุ้นรูดลงมากองอยู่ที่ 12 บาท หลังจากนั้นก็ยึกยักอยู่ที่บริเวณดังกล่าวระยะหนึ่ง จู่ๆ หุ้นพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 13  บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4%  ด้วยมูลค่า 270 ล้านบาท ..คุณคิดว่า หุ้นตัวนี้จะไปต่อไหม?

*ส่วนคนที่ชอบของแรง และไม่ต้องการทราบที่มาที่ไป “โมนิก้า” ขอนำเสนอ LHK  ไว้เป็นทางเลือกสำหรับการเล่นเที่ยวนี้ เพราะเดี๊ยนเห็นอีกทีราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.60 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 6%  ด้วยมูลค่า 172 ล้านบาท ทั้งที่ช่วงกลางเดือน ก.พ. ต่อเนื่องถึงช่วงกลางเดือน พ.ค. หุ้นย่ำฐานอยู่ที่  4 บาทเท่านั้น  บวกกับตัวเลขกำไรในไตรมาส 1 ก็หนุนสุดๆ แบบนี้..ขาลุยใส่ไม่ยั้งได้ทันทีเจ้าค่ะ

*อีกตัวที่เหมาะสำหรับเล่นตามกระแสก็คือ SIS  ทุกครั้งที่หุ้นทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงไร หลังจากนั้นราคาหุ้นรูดลงไปกองอยู่กับพื้นเป็นประจำ แถมการทำ high ก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง มียอดอยู่ที่บริเวณ 8 บาท และมีฐานต่ำอยู่ที่บริเวณ 6  บาท “โมนิก้า” ถึงกล้าแนะนำให้ follow ต่ออีกนิด หลังหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 7.85 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่า 572 ล้านบาท  ยังมีแก๊ปให้เล่นต่อเห็นๆ หากไปต่อไม่ไหว ก็ถอยออกมาเท่านั้นเองนะจ๊ะ

*ไหนๆ พูดถึงเรื่อง follow ขึ้นมาทั้งที่ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้นักลงทุนเหลือบมอง HANA เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนที่กล้าลุยทุกสถานการณ์ ยิ่งวิเคราะห์ตามตำราคาเทคนิคที่บอกว่า หุ้นเพิ่งกระชากออกจากฐานเป็นวันแรก วันนี้มีลุ้นไปต่ออีกวันอย่างแน่นอน! บวกกับหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 51.50 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไปเกือบ 6% ด้วยมูลค่า 609 ล้านบาท …ไม่ตามต่อ เสียดายแย่เลยเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของหุ้นเก็งกำไรยอดนิยม UBIS พอมีข่าวโปรเจ็กต์นั้น โปรเจ็กต์นี้ ออกมาตลอดเวลา ก็ทำให้ทุกคนเชื่อว่า กำลังเข้าสู่ยุคเฟื่องฟู ราคาหุ้นถึงทำ new high ให้เห็นเรื่อยๆ “โมนิก้า” บอกได้แค่ว่า หุ้นตัวนี้เหมาะที่จะเล่นสั้นๆ เพราะการที่หุ้นวิ่งขึ้นไปถึง 8.85 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 8.50 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 244 ล้านบาท แสดงว่า ต้องเปลี่ยนถ่ายกำลังซื้ออีกพักหนึ่ง ก่อนจะไล่ราคากันอีกรอบนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ CPR หุ้นดาวรุ่งผีพุ่งใต้ ที่ชอบโผล่มาให้เห็นแวบๆ หลังจากนั้นก็โรยราไปเองเสียอย่างนั้น.. “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับนักเก็งกำไรที่ชอบวัดดวง เพราะนับตั้งแต่ติดตามดูหุ้นตัวนี้อย่างกระชันชิด ฟันธงได้ทันทีว่า ใครกระโจนเข้าใส่ในช่วง 1-2 วันแรก รับทรัพย์กันถ้วนหน้า ส่วนคนที่เข้าทีหลังต้องตัดขายขาดทุนเป็นประจำ บวกกับการที่หุ้นวิ่งขึ้นไปถึง 7.55 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดที่ 7.15 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 206 ล้านบาท มันเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างหรือเปล่า!..วันนี้ได้รู้กันพะยะค่ะ

Back to top button