เปิดโผ“บลูชิพ” 5 เดือนสุดเจ๋ง! ชู 24 หุ้นเด่นรีเทิร์นชนะตลาดฯ

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET50 ในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-31 พ.ค.60 ซึ่งพบว่าหุ้นส่วนใหญ่ราคาปรับตัวขึ้นมากกว่าลง โดยหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมีทั้งหมด 25 ตัว และมีหุ้นปรับตัวลดลง 22 ตัว ส่วนอีก 3 ตัวราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET50 ในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-31 พ.ค.60 ซึ่งพบว่าหุ้นส่วนใหญ่ราคาปรับตัวขึ้นมากกว่าลง โดยหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมีทั้งหมด 25 ตัว และมีหุ้นปรับตัวลดลง 22 ตัว ส่วนอีก 3 ตัวราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง

โดยหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25 ตัว ประกอบด้วย DTAC, ADVANC, CPN, KKP, BBL, PTTGC, DELTA, IVL, SPRC, INTUCH, KTB, EGCO, TCAP, AOT, TOP, IRPC, WHA, SCC, PTT, KBANK, MINT, TMB, GLOW, BCP และ SCB และหากสังเหตหุ้นที่ปรับตัวดังกล่าวจะมีหุ้นมากถึง 24 ตัวที่ให้ผลตอบแทนชนะตลาดฯ   

สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET ในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 1.21% โดยเทียบจากดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,542.94 จุด (30 ธ.ค. 59) มาอยู่ที่ 1,561.66 จุด ( 31 พ.ค.60) หรือบวกไป 18.72 จุด ส่วนดัชนี SET50 ในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 2.20% จากดัชนีที่ยืนอยู่ที่ระดับ 964.84 จุด (30 ธ.ค. 59) มาอยู่ที่ 986.08 จุด ( 30 พ.ค.60) หรือบวกไป 21.24 จุด

ส่วนหุ้นที่ปรับตัวลดลงมีทั้งหมด 22 ตัว อาทิ LH, PSH ,BEM, HMPRO, BH, ROBINS, PTTEP, TPIPL, GPSC, BANPU, CENTEL, CBG, KCE, CK, TRUE, BLA, CPF, GLOBAL, THAI, BA, BDMS และ PTG  ขณะที่หุ้นราคาไม่เปลี่ยนแปลง 3 ตัว คือ TU, BTS และ CPALL 

ทั้งนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงดังกล่าวถือเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะได้เก็บหุ้นพื้นฐานแกร่งราคาถูก  ที่สำคัญหุ้นยังทำกำไรได้ดีและเป็นที่สนใจสำหรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกันการนำเสนอหุ้นกลุ่ม SET50 ไม่สามารถนำเสนอข้อมูลให้นักลงทุนได้ครบทุกตัว ดังนั้นครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นปรับตัวขึ้นแรง 5 อันดับแรกเท่านั้น

 

โดยอันดับ 1 บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ราคาหุ้นในรอบ 5 เดือนเพิ่มขึ้น 23.84% มาอยู่ที่ระดับ 46.75 บาท(31พ.ค.) บวกไป 9 บาท จากระดับ 37.75 บาท (30ธ.ค.) ราคาหุ้นปรับตัวแรง เนื่องจากได้แรงหนุนจากการได้รับเลือกเป็นพันธมิตรคลื่น 2300 MHz ของทีโอทีทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาอย่างคึกคัก

บริษัทแจ้งว่าเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมาได้รับหนังสือจาก บมจ.ทีโอที ที่แจ้งว่าคณะกรรมการของทีโอที ได้มีมติเห็นชอบให้ทีโอทีดำเนินการให้มีการทำสัญญากับกลุ่มบริษัทในการเป็นคู่ค้าให้บริการไร้สายบนโครงข่ายคลื่นความถี่ 2300 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) ซึ่งกลุ่มบริษัทจะเข้าดำเนินการเจรจาสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทีโอที และคาดว่าจะเจรจาได้ข้อยุติและเข้าทำสัญญาได้ภายในไตรมาส 4/60

สำหรับข้อเสนอของกลุ่มบริษัทได้เสนอว่าบริษัท เทเลแอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะให้เช่าเครื่องและอุปกรณ์โทรคมนาคมและรับจ้างบำรุงรักษาโครงข่ายให้กับทีโอที ขณะที่บริษัท ดีเทค ไตรเน็ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะรับซื้อความจุโครงข่าย 60% ของความจุโครงข่ายทั้งหมด โดยส่วนหนึ่งของข้อเสนอของกลุ่มบริษัทระบุว่า บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด เสนอผลตอบแทนคงที่ให้กับทีโอที เป็นจำนวนปีละ 4,510 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขบางประการ

 

อันดับ 2 บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANCาคาหุ้นในรอบ 5 เดือนเพิ่มขึ้น 17.69% มาอยู่ที่ระดับ 173.00 บาท(31พ.ค.) บวกไป 26 บาท จากระดับ 147.00บาท (30ธ.ค.) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากหุ้นพื้นฐานแกร่งที่สำคัญเป็นหุ้นปันผลดีทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง ประกอบกับแผนงานที่ออกมาอย่างโดเด่น อีกทั้งนักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุนช่วงดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา

บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้จากการให้บริการปีนี้เติบโตราว 4-5% (ไม่ร่วมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย) ตามการพัฒนาโครงข่ายให้มีคุณภาพมากขึ้น และอัตราการใช้สมาร์ทโฟนที่สูงขึ้น ขณะที่ตั้งเป้าอัตรากำไร EBITDA จะอยู่ที่ 42-44% เป็นไปตามรายได้ที่เติบโต และการควบคุมต้นทุน รวมถึงรับรู้ค่าใช้จ่ายสัญญาการเป็นพันธมิตรกับทีโอที

พร้อมกันนี้ วางงบลงทุนราว 4-4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนการขยายโครงข่ายและการจัดทำโปรโมชั่นของธุรกิจมือถือ ส่วนราว 5,000 ล้านบาทจะใช้สำหรับการขยายบริการ เอไอเอส ไฟเบอร์ ให้ครอบคุลมมากขึ้นในบริเวณที่มีความต้องการใช้งานสูง

 

อันดับ 3 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN  ราคาหุ้นในรอบ 5 เดือนเพิ่มขึ้น 16.30% มาอยู่ที่ระดับ 66.00 บาท(31พ.ค.) บวกไป 9.25 บาท จากระดับ 56.75 บาท (30ธ.ค.) ) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากหุ้นพื้นฐานแกร่ง ประกอบกับแผนงานที่ออกมาอย่างโดเด่น อีกทั้งนักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุนช่วงดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุใบทวิเคราะห์ แนะ “ซื้อ” CPN ด้วยราคาพื้นฐาน 70 บาท เนื่องจากกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 เพิ่มได้ดี 16% จากปีก่อน สืบเนื่องจากรายได้ค่าเช่าที่โตขึ้น และสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนวโน้มธุรกิจเป็นบวกต่อเนื่อง ในครึ่งหลังปีนี้ จะมีการเปิดศูนย์การค้าใหม่อีก 3 แห่ง

อีกทั้ง วางแผนที่จะขายสินทรัพย์เพิ่มไปยัง CPNRF ได้แก่ เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช ในครึ่งหลังปีนี้ ซึ่ง CPNRF จะเปลี่ยนเป็น REIT แล้ว ในช่วงเวลานั้น

ขณะที่บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 68.75 บาท โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้น 16.2% จากปีก่อน ดีกว่าที่คาด 15% จากอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรจากการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด

โดย CPN ยังคงเป้าหมายยอดขายที่เติบโต 6-8% ในปี 2560 และมีแผนที่จะขาย Central Pattaya Beach mall และ Hilton Pattaya ให้กับกอง REIT ในไตรมาส 4/60 เพื่อเพิ่ม yield ให้กับผู้ถือหุ้น พร้อมคาดอัตรากำไรจากการดำเนินงานยังคงเติบโตสูงจากปีก่อน

 

อันดับ 4 ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ราคาหุ้นในรอบ 5 เดือนเพิ่มขึ้น 15.68% มาอยู่ที่ระดับ 68.25 บาท(31พ.ค.) บวกไป 9.25 บาท จากระดับ 59.00 บาท (30ธ.ค.) ) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากหุ้นพื้นฐานแกร่งที่สำคัญเป็นหุ้นปันผลดีทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง อีกทั้งนักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุน ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ในวันนี้(22 พ.ค.) ว่า ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP เริ่มมีความน่าสนใจในเชิง Valuation กว่า TISCO พิจารณาจาก 2017 ROE/PBV (Capital Yield) KKP อยู่ที่ 10% ส่วน TISCO อยู่ที่ 9% ขณะที่ KKP ให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่คาดการณ์สำหรับปี 2017 ที่ 8.8% (จ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง) ขณะที่ TISCO คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 4.5% (จ่ายปีละครั้ง)

 

อันดับ 5 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBLาคาหุ้นในรอบ 5 เดือนเพิ่มขึ้น 12.85% มาอยู่ที่ระดับ 180.00 บาท(31พ.ค.) บวกไป 20.50 บาท จากระดับ 159.50 บาท (30ธ.ค.) ) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากหุ้นพื้นฐานแกร่ง ที่สำคัญเป็นหุ้นปันผลดี และช่วงที่ผ่านมานักวิเคราะห์มองว่าราคาหุ้นค่อนข้างถูกทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button