ส่องBCPGราคาหุ้นยังไม่สะท้อนโครงการใหม่เต็มที่ซื้อเป้า 17 บ.

BCPG ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนโครงการใหม่เต็มที่แนะซื้อเป้า 17 บ.


บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(13 มิ.ย.) ว่า บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(13 มิ.ย.) ว่า มองปี 60 นี้จะเป็นปีที่โดดเด่นในแง่การเติบโตของผลประกอบการหลังปีก่อนมีค่าใช้จ่าย One-time เข้ามากดดัน ขณะที่ปีนี้จะได้แรงหนุนจากการซื้อโครงการไฟฟ้า Geothermal ในอินโดฯ ซึ่งจะทำให้ทั้งกำลังการผลิตที่แท้จริงและกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี DCF ได้ราคาเป้าหมาย 17 บาท ในวันนี้จะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวในช่วงสั้น แต่ในระยะยาวมองแนวโน้มการเติบโตยังดี ทำให้หากราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาเป็นโอกาสให้เข้าลงทุน

BCPG ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยมีกำลังการผลิตทั้งในและต่างประเทศ เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 60 ที่ผ่านมาบริษัทได้ออกประกาศแจ้งตลาดฯ เรื่องการเข้าซื้อบริษัท PetroWind Energy Inc. (PWEI) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในฟิลลิปปินส์ในสัดส่วน 40% และยังวางแผนจะเข้าลงทุนซื้อหุ้นบริษัท Star Energy Group Holding Pte Ltd. (SEGHPL) ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพจำนวน 3 แห่งที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย คาดว่าภายหลังการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซียแล้วเสร็จ จะทำให้กำลังการผลิตที่แท้จริงเพิ่มขึ้นถึงราว 148 MW จาก 149.5 เมกะวัตต์ในปี 59 เมื่อรวมกับโรงไฟฟ้าในจังหวัดโอคายามะที่ญี่ปุ่นที่เปิดดำเนินการในปีนี้ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในฟิลิปปินส์ที่เพิ่งเข้าซื้อมาแล้ว จะทำให้กำลังการผลิตที่แท้จริงรวมเพิ่มขึ้นเป็น 322 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้น 115%

ในอนาคตบริษัทตั้งเป้าจะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าให้มีกำลังการผลิตติดตั้งไปถึง 1,000 MW ทั้งจากการพัฒนาต่อยอดโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ใน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งการต่อยอดโครงการต่างๆ ที่ยังเป็น Greenfield ในสัดส่วนราว 20% ที่เหลือจากกำลังการผลิตรวมนั้น บริษัทวางแผนจะใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยลดต้นทุนค่าก่อสร้างลง เพื่อให้ EIRR หรือผลตอบแทนเพิ่มขึ้น และด้วยระดับ D/E ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในปัจจุบันยังส่งเสริมให้สามารถเติบโตผ่านการซื้อธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในแบบต่างๆ ได้อีกด้วย

สำหรับผลประกอบการในปี 59 นั้น ได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่าย One-time ที่เกิดขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการในญี่ปุ่น ทำให้กำไรสุทธิอ่อนตัวลงชั่วคราว อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวจะไม่เป็นปัจจัยกดดันกำไรในปี 60 โดยเราคาดกำไรสุทธิสำหรับปี 60 ที่ 2,506 ล้านบาท เติบโตได้เด่นถึง 30%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากได้แรงหนุนหลักจากโครงการไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในฟิลิปปินส์ สำหรับโครงการที่เหลือใน Pipeline คาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้กำไรเติบโตต่อเนื่องไปถึง 2,983 ล้านบาท ในปี 62 โดยหากคิดอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ของกำไรสุทธิระหว่างปี 59-62 จะอยู่ที่ราว 25% ต่อปี

จากการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF โดยใช้ WACC ที่แตกต่างกันตามโครงสร้างและต้นทุนการกู้ยืมของแต่ละโครงการ โดยเราได้รวมมูลค่าของโครงการในไทยที่ดำเนินการแล้วในปัจจุบัน โครงการในญี่ปุ่นที่ดำเนินการแล้วในปัจจุบัน และโครงการในญี่ปุ่นที่อยู่ใน Pipeline ที่กำลังจะดำเนินการในอนาคต และโครงการในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ทำให้ได้ราคาเป้าหมายที่ 17 บาท สำหรับในวันนี้จะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาในระยะสั้นได้ แต่ในระยะยาวเรามองโอกาสในการเติบโตยังน่าสนใจ จึงแนะนำ “เข้าลงทุน”

Back to top button