EA บวกกว่า 2% ขานรับเข้า SET50 โบรกฯอัพเป้าใหม่ 43 บ.

EA บวกกว่า 2% ขานรับเข้า SET50 โบรกฯ แนะ “ซื้อ” อัพเป้าใหม่ 43 บ. ล่าสุด ณ เวลา 14.48 น. ราคาอยู่ที่ 34.50 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 2.22% สูงสุดที่ 35.00 บาท ต่ำสุดที่ 34.00 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 228.03 ล้านบาท 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ณ เวลา 14.48 น. ราคาอยู่ที่ 34.50 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 2.22% สูงสุดที่ 35.00 บาท ต่ำสุดที่ 34.00 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 228.03 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.28%

เมื่อวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่จะใช้คำนวณดัชนี SET50 ดัชนี SET100 ดัชนี SETHD และ ดัชนี sSET ในช่วงครึ่งปีหลัง (1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม) ของปี 2560

โดยดัชนี SET50 มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 7 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP, บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA, บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS

รวมทั้ง บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH, บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC และ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO

โดยหลักทรัพย์ทั้งหมดที่อยู่ในดัชนี SET50 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมประมาณ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 65% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหลักทรัพย์ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นเดือนพ.ค.60

ส่วนดัชนี SET100 มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 13 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN, บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC, บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP, บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA

รวมทั้งบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT, บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE, บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA, บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONO, บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL, บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH, บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC และบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK

โดยหลักทรัพย์ทั้งหมดที่อยู่ในดัชนี SET100 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมประมาณ 12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 75% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหลักทรัพย์ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นเดือนพ.ค.560

ด้านดัชนี SETHD มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 4 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHBANK และบริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS

โดยหลักทรัพย์ที่อยู่ในดัชนี SETHD มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 4.29 % สูงกว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยรวม ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.11% ณ สิ้นเดือนพ.ค.60

ขณะที่ดัชนี sSET มีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 29 หลักทรัพย์ จึงส่งผลให้ดัชนี sSET ประกอบด้วยหลักทรัพย์ทั้งหมด 118 หลักทรัพย์ เพิ่มขึ้นจากรอบทบทวนก่อนหน้าซึ่งมี 102 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์ทั้งหมดที่อยู่ในดัชนี sSET มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมประมาณ 8 แสนล้านบาท คิดเป็น 5% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหลักทรัพย์ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นเดือนพ.ค.60

 

ด้านนักวิเคราห์ บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 43 บาท/หุ้น จากเดิม 34 บาท/หุ้น พร้อมปรับขึ้น TOP PICK ของ EA (หุ้น top pick ของฝ่ายวิจัยทั้งในประเทศและอุตสาหกรรม) โดย EA ได้เปิดเผยข้อมูลในการลงทุนเพิ่มสำหรับธุรกิจกักเก็บพลังงาน (ES) โดยโครงการที่ 1 มีปริมาณการกักเก็บที่ 1Gwh ต่อปี โดยมีเงินลงทุนที่ 3 พันลบ. และจะมีการ COD ณปลายปี 2561

สำหรับโครงการที่ 2 ซึ่งมีปริมาณการกักเก็บที่ 49 Gwh ต่อปีในอีก  3 ปี กำลังอยู่ภายใต้กระบวนการตัดสินใจการลงทุนขั้นตอนสุดท้ายเพื่อที่จะผลักดันให้ EA เป็นผู้ผลิตรายใหญ่สุดของโลก โดยเราได้คิดรวมมูลค่าของโครงการที่ 1 แล้ว และส่งผลให้เรามีราคาเป้าหมายใหม่ที่ 43 บาท/หุ้น (จาก 34) และฝ่ายวิจัยได้ให้โครงการที่ 2 และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเป็น upside สำหรับในอนาคต

ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัท Amita (EA เป็นเจ้าของ 35%) มีธุรกิจกักเก็บพลังงาน (ES) ที่ดีและสามารถเชื่อถือได้ ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า EA จะสามารถขายอุปกรณ์กักเก็บพลังงานได้ในรูปแบบของ package (จากแค่ขายแยกชิ้น) ไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังมีพลังงาน และ/หรือมีสายส่งพลังงานไม่เพียงพอไม่เพียงพอ

โดยฝ่ายวิจัยมองว่า EA จะสามารถขายแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานในรูปแบบ package รวมถึงจะมีโรงฟ้าที่กำลังการผลิตที่ 500MW ในระหว่างปี 2563-2568 โดยกำลังการผลิตที่ 1Gwh จะสามารถกักเก็บไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิมได้ 100-120MW และเรามองว่าโรงไฟฟ้าจะผลิตไฟฟ้า 1Gwh ต่อปีสำหรับ 5 ปี และคิดได้เป็น 13 บาท/หุ้น vs ประมาณการเดิมของเราที่ 4.0 บาท/หุ้น โดยราคาเป้าหมายของจะเพิ่มขึ้นอีก 9 บาท

ขณะเดียวกัน EA กำลังอยู่ในขั้นสุดท้ายของการตัดสินใจสำหรับธุรกิจกักเก็บพลังงานโครงการที่ 2 ซึ่งมีปริมาณการกักเก็บที่ 49Gwh (ประมาณการเงินลงทุนที่ 98 พันลบ.) โดยกำลังรอการตัดสินใจจากคณะกรรมการการ และมองว่าโครงการที่ 2 ของ ธุรกิจนี้จะสามารถเพิ่มราคาหุ้นได้อีก 12บาท/หุ้น สำหรับประมาณการราคาแบตเตอรี่ที่ US$80/kWh (Vs. ราคาปัจจุบันที่ US$200-250) และ utilization ที่50% และสัดส่วนการเป็นเจ้าของที่ 50%

Back to top button