คลังออกหน้า ก.ล.ต.หลบหลัง

*ดูเหมือน “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจะพุ่งตรงไปยังเรื่องฉาวโฉ่ในการจัดตั้งกองทุน CMDF  เพราะมีเงื่อนงำหลายอย่างที่ไม่สามารถตอบสังคมได้เลย จนผู้คนในแวดวงตลาดเงินและตลาดทุนต่างรู้สึกถึงความผิดปกติของการเร่งรีบสูบเงินออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีการสืบสาวราวเรื่องในทางลับกันจ้าละหวั่น เพราะมีผลกระทบต่อหลายภาคส่วนด้วยเหมือนกันเจ้าค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ดูเหมือน “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจะพุ่งตรงไปยังเรื่องฉาวโฉ่ในการจัดตั้งกองทุน CMDF  เพราะมีเงื่อนงำหลายอย่างที่ไม่สามารถตอบสังคมได้เลย จนผู้คนในแวดวงตลาดเงินและตลาดทุนต่างรู้สึกถึงความผิดปกติของการเร่งรีบสูบเงินออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีการสืบสาวราวเรื่องในทางลับกันจ้าละหวั่น เพราะมีผลกระทบต่อหลายภาคส่วนด้วยเหมือนกันเจ้าค่ะ

*สำหรับประเด็นที่เดี๊ยนไปได้ยินจิ้งจกแถววิภาวดีร้องทักกันระงมจนไปถึง 5 แยกลาดพร้าว มันว่าด้วยเรื่องการสับขาหลอก เพื่อลดแรงกระแทกที่มีต่อผู้คนในแวดวงการเงิน เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ก๊วนคนเหล่านี้ต้องการปล้นเงินทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาดฯ ซึ่งแต่ละฝ่ายที่ร่วมในขบวนการก็ตีหน้ามึน เหมือนตัวเองไม่ใช่คนต้นเรื่องที่กระทำการอันอุกอาจนะจะบอกให้

*เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำให้ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงตลาดหุ้นดาหน้าออกมาถล่มแนวคิดโจรใส่สูทกันเยอะแยะไปหมด เพราะมองข้ามหลักการของการมีเงินสำรองจำนวน 8 พันล้านบาท รวมทั้งการรีดไถเงินจำนวน 90% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี มันเหมือนการกดขี่ข่มเหงกันต่อหน้าแบบนี้ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า เรื่องนี้มันมากเกินไปจริงๆ ผู้คนมากมายถึงออกมาแฉความไม่ชอบมาพากลไงล่ะค่ะ

*ว่ากันว่า โครงสร้างกรรมการที่นั่งใน CMDF ทั้งหมด 11 คน มาจากหน่วยงานกำกับ ก.ล.ต. ซึ่งมีการล็อกเก้าอี้ไว้ให้หน่วยงานนี้ 1 คน ส่วนที่เหลืออีก 6 คน มาจากการแต่งตั้งจากหน่วยงานนี้ รวมเบ็ดเสร็จเป็นคนจากหน่วยนี้ทั้งสิ้น 7 คน เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่า หน่วยงานแห่งนี้กำลังต้องการเป็นคนชี้นิ้วสั่งการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะพฤติกรรมมันแสดงออกมาให้เห็นทนโท่นะซี

*ที่ร้ายสุดในเที่ยวนี้คือ ก.คลังดันเป็นคนออกหน้าดันเรื่องนี้แบบสุดลิ่มทิ่มประตู พร้อมกับยกเหตุผลมากมายขึ้นมาอธิบายแบบตลกร้าย “โมนิก้า” ถึงเห็นรังสีอำมหิตในตลาดทุนเข้มขึ้นจนน่ากลัว เพราะถ้าย้อนกลับไปดูยุคก่อนๆ จะเห็นว่า คลังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นนี้! เพราะทราบดีว่า การดึงเงินในส่วนดังกล่าวออกไปจะทำให้โครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคตอ่อนแอลงในทันทีเจ้าค่ะ

*ตรงนี้แหละที่เป็นจุดไคลแม็กของเรื่องดังกล่าว เพราะทุกคนทราบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯก็ใช้เงินในส่วนนี้ในการพัฒนาหลายอย่าง จึงเกิดคำถามตามหลังขึ้นมาในทันทีว่า ทำไมด่านหน้าอย่างสำนักงาน ก.ล.ต. ไม่ท้วงติงสิ่งที่เกิดขึ้น? หรือแม้กระทั่งคนที่โยกย้ายจาก ตลท. ไปนั่งเป็นฝ่ายกฎหมาย ทำไมไม่พูดถึงความจำเป็นของเงินก้อนดังกล่าวล่ะค่ะ

*พร้อมกันนี้ยังมีการตั้งข้อสงสัยถึงโครงสร้างของกองทุน CMDF ถูกออกแบบมาเป็นระบบราชการ มันก็ผิดเพี้ยนไปจากเจตนารมณ์มากพอสมควร เพราะทุกคนเห็นกันทนโท่ว่า ระบบดังกล่าวสู้ระบบเอกชนทำเองไม่ได้ พร้อมกันนี้ยังมีเรื่องของความโปร่งใสของการใช้เงินตามหลังมาอีก “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ผู้คนในสังคมรับไม่ได้กันอยู่แล้ว จึงน่าจะมีรายการแฉเบื้องหลังออกมาอีกเรื่อยๆ..อย่าลืมว่า เงินที่จะเอาไปเป็นเงินจากพวกโบรกเกอร์ และ บริษัทจดทะเบียนช่วยกันใส่เข้ามา จู่ๆ เข้ามาตบเอาไปดื้อๆ ใครเขาก็รับกันไม่ได้ทั้งนั้นแหละ

*ย้อนกลับเข้ามาดูบรรยากาศการลงทุนบ้างดีกว่า เพราะอาการฉวัดเฉวียนที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดที่ระดับ 1,578.62 บาท ลบไป 2.52 จุด ด้วยมูลค่า 3.59 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการเตือนให้นักเล่นกลับไปดูแพทเทิร์นเดิมก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร? วันนี้น่าจะเป็นอย่างเช่นที่ผ่านมาอีกครั้ง วานนี้ถึงเห็นมีการเทขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ จนดัชนีหลุดแนวรับ 1,580 จุดไงล่ะค่ะ

*เนื่องจากเที่ยวก่อนหน้านี้ หุ้นก็ถูกเทขายตรงนี้ วันนี้ “โมนิก้า” ถึงต้องลุ้นให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกหน เพื่อทำให้แพทเทิร์นของดัชนียังอยู่ในแบบ ไซด์เวย์อัพ และมีความหวังที่จะได้เห็นดัชนีไต่ระดับขึ้นไปทดสอบ 1,600 จุดอีกรอบ งานนี้หากทำไม่สำเร็จอย่างที่เกริ่นนำไว้ นักเล่นต้องเริ่มวางแผนว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิต เพราะถ้ามองตามหน้าเสื่อที่เกิดขึ้น  2 รอบ ดัชนีจะม้วนตัวลงอีกครั้งนะจะบอกให้

*งานนี้ไม่ขอเจาะจงลงในรายละเอียดมากนัก เพราะมันเป็นเรื่องของแนวคิดในการลงทุนล้วนๆ และนักลงทุนต้องไปศึกษากันเอาเอง หรือจะร้อยท่อต่อสายตรงไปยังผู้รู้ก็สามารถทำได้ เผลอๆ  อาจได้คำตอบที่กว่าการนั่งนึกคนเดียวด้วยซ้ำไป “โมนิก้า” ในฐานะคนชอบสังเกตปรากฏการณ์สำคัญ ถึงชอบมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เพราะไปๆ มาๆ รูปแบบการเล่นก็วัดกันที่บรรทัดสุดท้ายมี “กำไร” หรือเปล่านะซี!

Back to top button