ฟ้าผ่าตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. มือยาว วิ่งราว 8 พันล้านดื้อๆ

ฟ้าผ่าตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. มือยาว วิ่งราว 8 พันล้านดื้อๆ หลังคลัง หวังแก้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ หนุน ก.ล.ต. เข้าดูแลกองทุนฯ หรือรัฐบาลกำลัง "ถังแตก" อย่างที่เป็นข่าวจริง


“เหตุที่ต้องนำเงินจาก ตลท. (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) กว่า 8,000 ล้านมาเป็นทุนประเดิมจัดตั้ง กองทุน CMDF (กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน) เนื่องจาก ตลท. มีเงินมาก คลังต้องการนำเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่ต้องการให้เป็นภาระด้านงบประมาณของประเทศ กองทุนจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาตลาดทุน ด้านการประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดทุนและร่วมลงทุนกับกลุ่มสตาร์ทอัพตามนโยบายของรัฐบาล”

สมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ และยังระบุว่า ที่ต้องแก้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ เพื่อต้องการแบ่งหน้าที่ให้ชัดเจนให้ตลาดฯ เน้นภารกิจหลักในการซื้อขายหุ้น ส่วนบทบาทการพัฒนาส่งเสริมตลาดทุนและการพัฒนา ให้เป็นหน้าที่กองทุนฯ ที่จะดูแลโดย ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์)

ฟ้าจึงผ่าตลาดหลักทรัพย์เข้าให้!?!

คลังสารภาพตรง ๆ ว่า ได้พบขุมทรัพย์ก้อนใหม่ ว่างั้นเถอะ นอกจากเงิน 8,000 ล้านที่ว่าแล้ว เงินก้อนนี้จะเข้าคลังและกองทุนฯ ในสัดส่วน 90% ปละ 10% ตามลำดับ อ้างว่าจะเอาไปปั้นธุรกิจ “สตาร์ทอัพ” มาเข้าตลาดฯ โห…ใจคอจะสูบเลือดสูบเนื้อเค้าไปหมดเลยหรือเนี่ย ช่างทำได้ลงคอ

อย่างที่รู้ ตลาดหุ้นถือเป็นเส้นเลือดใหญ่อีกเส้นหนึ่งของระบบ “เศรษฐกิจทุนนิยม” ที่ประเทศไทยยึดถืออยู่ แม้จะมีหลายคนดัดจริต ประมาณว่าเป็นทุนนิยมสามานย์ แต่รู้ ๆ กันอยู่ คนกลุ่มนี้สำเริงสำราญเสวยสุขกับระบบนี้อย่างต่อเนื่องยาวนานแล้ว นอกจากเป็นแหล่งระดมทุนของธุรกิจน้อยใหญ่แล้ว ยังเป็นอีก “ทางเลือก” ในการลงทุนของประชาชนหลายล้านคน ตลาดหุ้นไทยไม่ใช่เพิ่งเกิดนะ เปิดดำเนินการจะ 40-50 ปีเข้าไปแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอุปสรรคนานัปการจนแข็งแรงมั่นคง เป็นที่เชื่อถือของนักลงทุนทั่วโลก ได้รับเลือกให้เป็นตลาดหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในอาเซียน 6 ปีซ้อนมาแล้ว

ทั้งหมด เป็นผลงานร่วมของผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ในอดีตทุกคนที่ผ่านมา จนปัจจุบันมี เกศรา มัญชุศรี เป็นกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์หญิง คนล่าสุด

การจะทำอะไรกับตลาดหลักทรัพย์จึงต้องรอบคอบ และตั้งเป้าให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นที่พึ่งทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นที่ที่นักลงทุนอยากเข้ามาลงทุน ไม่ใช่ทำตามอำเภอใจ เห็นมีเงินเยอะ ก็จะ “วิ่งราว” เค้าหน้าตาเฉย ลืมหรือว่า ตอนเริ่มต้นนั้น ไม่มีใครอยากมาเสี่ยงลงทุนกับตลาดหุ้นเลย รัฐบาลก็ไม่เอา โบรกเกอร์ก็ไม่เอา ไม่มีผู้ลงทุนเริ่มต้น กว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์ฯอย่างที่เห็น เค้าเลือดตาแทบกระเด็น เก็บสะสมทรัพย์สินที่มีอยู่ในตอนนี้ไว้ให้ตลาดฯ

“เห็นเค้ารวยแล้วจะมาวิ่งราวดื้อ ๆ…เลยหรือ?”

เหนืออื่นใด การแก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ เพื่อตั้งกองทุน CMDF ก็สุด ลับ ลวง พราง ไม่โปร่งใส ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนอย่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพเลย ที่บอกเปิดรับฟังความคิดเห็น ปรากฏว่า ทำกันอยู่บนเว็บไซต์ของ ก.ล.ต.เองนั่นล่ะ ไม่ใช่แค่สื่อที่งงเป็นไก่ตาแตก ตลาดหุ้นเองก็ไม่ได้ดีเด่นกว่ากันเลย รู้พร้อมกับนักข่าวไม่เรียก ลับ ลวง พราง จะให้เรียกอะไรล่ะ? แค่นี้ก็แสดง “เจตนารมณ์” ของฝ่ายที่ต้องการแก้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ แล้วว่า จริงใจแค่ไหน?…

หรือมีวาระซ่อนเร้น?!?

ที่ปลัดคลังอ้างตลาดหุ้นมีเงินเยอะนั้น ก็ตลาดหุ้นไทยมีมาร์เก็ตแคปหรือมูลค่าตลาดกว่า 12 ล้านล้าน ตลาดฯมีทรัพย์สินอยู่ราว 2.5 หมื่นล้าน ที่อยู่ในรูปเงินสดไว้ใช้ “เคลียร์ริ่ง” เวลาเกิดการตื่นตระหนก แล้วมีการเทขาย ราว 6,000 ล้าน เงินนี้จำเป็น เพื่อสนองคำขวัญ “ซื้อแล้วต้องได้ของ ขายแล้วต้องได้เงิน” ทุกคน เงิน 6,000 ล้านที่ใช้เคลียร์ริ่งยังอาจน้อยไปด้วยซ้ำ

ส่วนเงิน 8,000 ล้านที่กำลังจะถูกฉกไปนั้น ตลาดฯใช้พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ เพราะเป็นหัวใจสำคัญ ทุก 5 ปีต้องเปลี่ยนระบบใหม่ ต้องมีการขยายกลุ่มนักลงทุน ให้ความรู้แก่กลุ่มต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่ นักเรียน นักศึกษา ไม่ใช่เล่นหุ้นอย่างเดียว ต้องบริหารเงินเป็น และส่งเสริมนโยบายรัฐบาล ดึง “สตาร์ทอัพ” มาเข้าตลาดหุ้น รวมทั้งพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง และการแข่งขันที่รุนแรง ต้องพบปะโรดโชว์ ดึงลูกค้าเข้ามาในตลาดหุ้นไทย

“ถ้าเอาตามที่ ก.ล.ต.ต้องการ ตลาดหุ้นจะมีเงินเหลือเพื่อดำเนินการซัก 6 เดือนมั้ง จ้างคนมาทำงาน ก็คงไม่มีใครอยากเข้ามาหรอก มันไม่มีอนาคต อีกอย่าง คนรู้ว่า ก.ล.ต. กับตลาดหุ้น เหมือนไม้เบื่อไม้เมา ก.ล.ต.อยากดึงอำนาจมาอยู่ในมือตัวเองมากกว่าที่เป็นอยู่ แก้ พ.ร.บ.ครั้งนี้เลยเสนอให้กรรมการกองทุน CMDF 11 คน มีคน ก.ล.ต. 7 คน เพื่อเป็นเสียงข้างมาก จะได้คุมกองทุนฯ เบ็ดเสร็จ” อีกหนึ่งการวิเคราะห์ที่น่าสนใจมาก

สาเหตุที่ปลัดคลังอ้างมานั้น ตลาดหุ้นก็ทำอยู่แล้ว แต่อ่อนเรื่องการบอกล่าวให้ประชาชนได้ร่วมรับรู้ ทำให้คนทั่วไปไม่ทราบถึงผลงานเหล่านี้ เลยเปิดโอกาสให้มีการเสนอแก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่กำลังฉาวโฉ่อยู่ขณะนี้

แต่นั่นแหละ อย่าให้คนรู้สึกว่า หรือรัฐบาลกำลัง “ถังแตก” อย่างที่เป็นข่าวจริง อะไรคว้าได้ ฉกได้ เลยต้องเอาไว้ก่อน แล้วทำอะไรคิดน้อย ทั้งที่ทั่วโลกเค้าระวังมากกับตลาดหุ้น เพราะหากผิดพลาดแล้วเกิดความตื่นตระหนก นักลงทุนไม่เชื่อมั่น ตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหุ้น มีสิทธิล่มสลายได้เลย… พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่กำลัง “เมามัน” สมรู้ร่วมคิดแก้ไขอยู่…

หากพลาดพลั้งไปจะพาเศรษฐกิจไทยหายนะ

ไอ้โม่ง…ที่ไหน…จะรับผิดชอบ??

 

ที่มา : สกู๊ปหน้า 1 หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 22 มิ.ย. 60

Back to top button