ABC เซียนอยู่รู ครูอ้อยอยู่….???

จู่ๆ ชื่อของหุ้น บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC ก็ถูกนำไปโยงเข้ากับเรื่องอื้อฉาว ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ กรณีที่พัวพันกับธุรกรรมของนาง ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือ “ครูอ้อย” เจ้าของหนังสือขายดี  “เข็มทิศชีวิต” และเจ้าของหลักสูตรอบรมจิตใต้สำนึกที่มีคนจำนวนไม่น้อยคลั่งไคล้ และ กอบโกยเงินมหาศาลแต่ละครั้ง ทั้งที่เธอคนนี้ถือหุ้นในสัดส่วนล่าสุดเพียงแค่ 1.50% ของทุนจดทะเบียน ไม่ถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือนั่งในบอร์ดบริษัทแต่อย่างใด


แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

จู่ๆ ชื่อของหุ้น บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC ก็ถูกนำไปโยงเข้ากับเรื่องอื้อฉาว ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ กรณีที่พัวพันกับธุรกรรมของนาง ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือ “ครูอ้อย” เจ้าของหนังสือขายดี  “เข็มทิศชีวิต” และเจ้าของหลักสูตรอบรมจิตใต้สำนึกที่มีคนจำนวนไม่น้อยคลั่งไคล้ และ กอบโกยเงินมหาศาลแต่ละครั้ง ทั้งที่เธอคนนี้ถือหุ้นในสัดส่วนล่าสุดเพียงแค่ 1.50% ของทุนจดทะเบียน ไม่ถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือนั่งในบอร์ดบริษัทแต่อย่างใด

ชายหนุ่มคนหนึ่งเรียกตัวเองว่า บอส (นามสมมติ) อ้างตนเป็นเซียนหุ้นที่ได้รับความเสียหายจากการชักชวนของ ครูอ้อย ให้ร่วมลงทุนด้วยการซื้อหุ้นตามคำชี้ชวนของครูอ้อย โดยเปิดตัวออกโทรทัศน์ในรายการทุบโต๊ะข่าว ทาง Amarin TV 34 สร้างข้อกล่าวหา (อันแสนจะสุ่มเสี่ยง ถูกฟ้องร้องหมิ่นประมาทยิ่ง) ว่า “ต้องอุบาย” และอยากเปิดโปงเพื่อเป็นบทเรียนของหลายๆ คน

นายบอส เปิดเผยว่า ประมาณปี 2557 ครูอ้อยได้ติดต่อเข้ามาในเเฟนเพจเฟซบุ๊คของตน ที่เปิดให้คำปรึกษาเรื่องการเล่นหุ้น ชักชวนให้ตนไปบรรยายเรื่องหุ้นในการสัมมนาที่ครูอ้อยเป็นผู้จัด เพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุน มีลูกศิษย์ครูอ้อยมากกว่า 100 คน

จนถึงปี 2558 เมื่อเริ่มสนิทกับครูอ้อยและทีมงานมากขึ้น ครูอ้อยก็เริ่มชักชวนให้ตนเข้าร่วมลงทุนเข้าซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยต่อมาว่าเป็นหุ้น ABC โดยครูอ้อยบอก “ข้อมูลเชิงลึก” ถึงเป้าหมายของราคาหุ้นว่าจะขึ้นไปสูงถึง 15 บาทต่อหุ้น และบอกหากขาดทุนจะรับผิดชอบค่าเสียหาย ปกติแล้วการบอกข้อมูลเชิงลึกแบบนี้ทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายหลักทรัพย์ ตนจึงตัดสินใจร่วมลงทุน ทั้งที่รู้จักครูอ้อยได้ไม่ถึง 1 เดือน (เพราะคิดว่าคนที่เรียกตัวเองว่าครู ไม่น่าจะทำกันแบบนี้) โดยลูกค้าที่ให้ตนดูแลเรื่องหุ้นให้หลายราย ก็นำเงินของลูกค้ามาซื้อหุ้นในหุ้นที่ครูอ้อยถือ เริ่มลงทุนจาก 5-6 ล้านบาท และมียอดลงทุนสูงถึง 20 ล้านบาท

หลังเริ่มซื้อหุ้น ABC ไปแล้ว ภายในเวลา 3 เดือน ราคาหุ้นตกจาก หุ้นละ 4 บาท 50 สตางค์ เหลือ 2 บาทกว่าต่อหุ้น ตนจึงตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมด ทำให้ขาดทุนกว่า 13 ล้านบาท ปัจจุบันตนยังต้องผ่อนชำระค่าเสียหายอยู่เดือนละหลายหมื่นบาท เพื่อชดใช้เงินค่าเสียหายที่สูญไป และก็ยังถูกลูกค้าแฟนเพจที่เอาเงินเขามาลงทุนด้วย จับตัวไปเรียกร้องค่าเสียหาย จนกระทั่งตกลงได้

นายบอสระบุว่า ที่ออกมาเปิดโปงเพราะอยากออกมาให้เรื่องของตนและครูอ้อย เอาไว้เป็นอุทาหรณ์

หากสรุปย่อข้อมูลของนายบอสจะเห็นได้ถึงความย้อนแย้งชัดเจน ดังต่อไปนี้

-นายบอส ตั้งตนเป็นที่ปรึกษาการลงทุนในหุ้นแบบเถื่อนๆ อยู่เดิม (ไม่ชัดเจนว่าได้รับเงินค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าวหรือไม่) ผ่านเฟซบุ๊คของตนเองอยู่ก่อนที่จะรู้จักกับครูอ้อย และถูกครูอ้อยชักชวนไปช่วยอบรมเรื่องหุ้นในงานสัมมนาของครูอ้อยเองในปี 2557

-เมื่อสนิทสนมกันมากขึ้นถึงขั้นเข้านอกออกในบ้านครูอ้อยได้ (ขัดแย้งกับที่บอกว่ารู้จักแค่เดือนเดียว) ในปี 2558 ครูอ้อยจึงมาชักชวนให้นายบอสเข้าลงทุนซื้อหุ้นของ ABC ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นระดับสูงกว่า 4.50 บาท  โดยอ้างว่ามีข้อมูลเชิงลึก (ทั้งที่ครูอ้อยไม่ได้มีส่วนในคณะกรรมการหรือการบริหารใน ABC แต่อย่างใด) ซึ่งนายบอสบอกว่าผิดกฎหมาย แต่ก็เชื่อครูอ้อยและตัดสินใจลงทุนด้วย เพราะครูอ้อยรับปากว่าหากขาดทุนจะรับผิดชอบค่าเสียหายให้

-นายบอส ไม่เพียงแต่ลงเงินลงทุนเอง 20 ล้านบาทในหุ้น ABC ยังรับบริหารพอร์ตลงทุนให้กับ “ลูกค้า” ของตนเอง โดยไม่ระบุว่า ได้รับอนุมัติ จากทางการหรือ ก.ล.ต. (อนุมานเอาว่าเป็นผู้จัดการพอร์ตโดยไม่มีใบอนุญาต ที่ผิดกฎหมายชัดเจน)

-เมื่อซื้อหุ้น ABC ไปแล้ว เกิดขาดทุนหนัก จึงหารือ ครูอ้อยบอกอย่าขาย เพราะมีคนกำลังจัดการอยู่ แต่นายบอสไม่เชื่อ และขายทิ้งไปทั้งหมด โดยขาดทุน 13 ล้านบาท รวมทั้งถูก “ลูกค้า” จับตัวไปทวงเงินคืน แต่ตกลงกันได้

ข้อกล่าวหาที่ผิดประหลาดของนายบอสที่มีต่อครูอ้อย..เซียนอยู่รู ครูอ้อยอยู่คฤหาสน์… เพราะเจตนาข้ามข้อข้อเท็จจริงที่ว่า หุ้น ABC นับตังแต่เปลี่ยนมือจากเจ้าของเดิมมาเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ปัจจุบัน นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ถือเป็นหุ้นที่ราคาเคลื่อนไหววูบวาบในบางช่วง เพราะมีการปล่อยข่าวกระตุ้นราคา และมีการแตกพาร์ 1 ครั้ง ก่อนจะเพิ่มทุนอีก 2 ครั้ง ครั้งแรกในปลายปี 2557 เพิ่มทุน 100% จากเดิมขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 ต่อ 1 และเพิ่มทุนอีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2558 อีก 200% ในสัดส่วน 1 ต่อ 2 หุ้น รวมแล้ว เพิ่มทุน 500% ภายใน 2 ปี

หุ้นที่เพิ่มทุนมากขนาดนี้ แล้วขาดทุนทุกปีต่อเนื่อง เพราะยังหาธุรกิจหลักที่แท้จริงไม่ชัด มีเพียงธุรกรรม “แก้ขัด” ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ ราคาหุ้นย่อมต้องทรุดฮวบลงตามสภาพของมูลค่าทางบัญชี ที่ปัจจุบันล่าสุดเหลือแค่ 0.07 บาท

หากนายบอสเองเป็นเซียนหุ้นตัวจริง (ไม่ใช่แค่อ้าง) ต้องรู้ดีว่า ความเสี่ยงในการถือหุ้น ABC มหาศาลแค่ไหน และน่าจะชักชวนให้ครูอ้อยถอนตัวหุ้นดังกล่าวตั้งแต่ปลายปี 2557 ที่ราคาหุ้นอยู่เหนือ 60 บาท ไม่ใช่เข้าลงทุนตามคำชักชวนครูอ้อย หลังการเพิ่มทุนมหาศาลอย่างเซื่องๆ และยังพา “ลูกค้า” เข้าซื้อตามอีก

แล้วนายบอส ก็ควรรู้ด้วยอีกว่า ข้อมูลเชิงลึก ของครูอ้อยนั้น ไม่ได้ถือว่าผิดกฎหมายเพราะไม่สามารถบอกได้ว่า มาจากคนที่เกี่ยวข้องในการบริหารหรือคณะกรรมการบริษัท ABC เลย

ที่น่าสนใจคือ ครูอ้อยที่ไม่เคยมีประวัติน่าเชื่อถือใดในวงการหุ้น ยังยืนหยัดถือหุ้น ABC ที่เริ่มตั้งแต่ 2.5 ล้านหุ้น ตั้งแต่กลางปี 2557 แล้วยังใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน และซื้อเพิ่มบางส่วน จนล่าสุดถือที่ 118.551 ล้านหุ้น…โดยไม่มีการขายออกเลยทั้งที่หุ้น ABC มีอนาคตคลุมเครือ…ไม่เรียกว่างมงาย ก็ถือว่า ไร้เดียงสา…

คำกล่าวหาประเภท “ตลกฝืด” ที่ว่า ต้องอุบาย และอยากเปิดโปงเพื่อเป็นบทเรียน….ชวนตั้งคำถามว่า ใครกันที่…เฮงซวย

อิ อิ อิ

Back to top button