เปิด 8 หุ้น mai แรงได้ใจเม่า! 6 เดือนฟันกำไรเกิน 40%

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 6 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 - 30 มิ.ย.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเกิน 40% เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้มีผลตอบแทนโดดเด่นและมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 6 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 – 30 มิ.ย.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเกิน 40% เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้มีผลตอบแทนโดดเด่นและมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน

โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 8 ตัว ด้วยกันคือ CCN, HTECH, THANA, TMILL, MOONG, GCAP, OCEAN และ OTO อย่างไรก็ตาม การนำเสนอข้อมูลหุ้นที่ปรับตัวลงแรงดังกล่าวไม่สามารถนำเสนอข้อมูลได้ครบทุกตัว ดังนั้นจึงจะขอนำเสนอหุ้นเพียง 5 อันดับแรกของตารางมาประกอบการลงทุนเท่านั้น

 

อันดับ 1 บริษัท ซีซีเอ็น-เทค จำกัด (มหาชน) หรือ CCN  ทำธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่ 1.ธุรกิจจำหน่าย และวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ครอบคลุมการบริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง อบรม ดูแลบำรุงรักษาระบบงาน จัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบเบ็ดเสร็จ 2. ธุรกิจให้เช่าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรให้ได้หลากหลายมากขึ้นโดยมีระยะเวลาสัญญา 1-10 ปี 3.ธุรกิจติดตั้งระบบโทรคมนาคม

ราคาหุ้นปรับตัวแรง 256% มาอยู่ที่ระดับ 11.90 บาท (30 มิ.ย.60) บวก 8.56 บาท จากระดับ 3.34 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงตลอดง 6 เดือนที่ผ่าน เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรเนื่องจากหุ้นมีราคาถูก อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไม่มีพื้นฐานรองรับส่งผลให้ ให้ช่วงที่ผ่านมาหุ้นรายนี้เข้าไปติด Cash Balance อยู่บ่อยครั้ง จนถึงล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขยายช่วงดำเนินการ CCN และ CCN-W1 เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 1 : Cash Balance มีผลตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. 2560 สิ้นสุด  27 ก.ค. 2560

สำหรับภาพรวมปีนี้ตั้งเป้าจะมีรายได้เติบโตมากกว่า 50% จากปี 2559 ที่มีรายได้ 316 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการปรับโครงสร้างธุรกิจ หันมารับงานภาครัฐมากขึ้น โดยปี 2560 คาดจะมีสัดส่วนรายได้จากภาครัฐ 70% จากปี 2559 ที่บริษัทมีการรับงานจากภาคเอกชนคิดเป็นสัดส่วน 100%

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมซึ่งได้รับผลดีจากนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ขับเคลื่อนประเทศ ที่มีความต้องการพัฒนาเทคโนโลยี แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า น่าจะมีการแข่งขันที่สูง ทำให้บริษัทเร่งผลักดันตัวเอง และพัฒนาองค์กร เพื่อสร้างโอกาสในการรับงานมากขึ้น

 

อันดับ 2 บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH ราคาหุ้นปรับตัวแรง 72.73% มาอยู่ที่ระดับ 9.50 บาท (30 มิ.ย.60) บวก 2.80 บาท จากระดับ 5.50 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวแรงช่วง 6 เดือนที่ผ่านมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนหลายทาง อาทิ การแจ้งงบปี 2559 ออดมาสดใส และแผนการย้ายเข้าตลาดฯ SET ทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทได้ประกาศงบกำไรไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้น 81% มาที่ 38.17 ลบ. จากปีก่อน 21.07 ล้านบาท ยิ่งทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไม่หยุด

ขณะเดียวกันบริษัทโชว์แผนงานปี 60 โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 8-10% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นจากลูกค้าในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) ขณะที่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในต่างประเทศมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวโดดเด่น

 

อันดับ 3 บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านจัดสรรพร้อมที่ดินเพื่อขาย เน้นการพัฒนาโครงการในเขตปริมณฑล และสำหรับบริษัทย่อย เน้นการพัฒนาโครงการในส่วนภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะพัฒนาโครงการในขนาดไม่ใหญ่มากนัก

ราคาหุ้นปรับตัวแรง 63.22% มาอยู่ที่ระดับ 2.84 บาท (30 มิ.ย.60) บวก1.10 บาท จากระดับ 1.74 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงตลอด 6 เดือนที่ผ่าน เนื่องจากแผนงานธุรกิจเริ่มสดใส เห็นได้จาปีนี้มีแผนเปิด 2 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 995 ล้านบาท ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 ออกมาโดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิ 16.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 159.35% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6.40 ล้านบาท

อีกทั้งบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ราว 900-1,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อน นอกจากนี้ยอดขายในปีนี้คาดว่าจะทำได้ราว 1,000-1,100 ล้านบาท ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา

 

อันดับ 4 บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TMILL ผลิตและจำหน่ายแป้งสาลี ได้แก่ แป้งบะหมี่สด แป้งขนมปัง แป้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แป้งบิสกิต แป้งเอนกประสงค์ แป้งอาหารสัตว์ เป็นต้น ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเอง โดยเป็นการ spin off มาจาก TSTE

ราคาหุ้นปรับตัวแรง 52.87% มาอยู่ที่ระดับ 4.80 บาท (30 มิ.ย.60) บวก 1.66 บาท จากระดับ 3.14 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงตลอด 6 เดือนที่ผ่าน เนื่องจากบริษัทมีพื้นฐานดี เห็นได้จากผลการดำเนินงานที่ทำกำไรต่อเนื่อง ประกอบกับแผนธุรกิจออกมาน่าสนใจทำให้นักลงทุนเข้ามาเล่นหุ้นต่อเนื่อง

บริษัทคาดกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 69.50 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/60 มีกำไรสุทธิแล้ว 41.85 ล้านบาท เป็นไปตามยอดขายและกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตราว 10% หรือมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ระดับ 75% จาก 65% ในปัจจุบัน

นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างขยายตลาดเพิ่มเติมอีก ในภาคอีสาน และภาคเหนือ เพื่อผลักดันยอดขายและกำไรให้สูงขึ้น ส่วนแผนการลงทุนเข้าซื้อกิจการ หรือการร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกันนั้น บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างศึกษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้ในขณะนี้

ทั้งนี้ มองแนวโน้มไตรมาส 2/60 รายได้น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/60 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการขยายฐานลูกค้าเดิม ขณะที่บริษัทฯ มีการเจรจากับลูกค้ารายเดิม รายใหญ่จำนวน 10-20 ราย ในการทำสัญญาซื้อขายแป้งสาลีล่วงหน้า เพื่อป้องกันราคาแป้งสาลีผันผวน โดยมีการป้องกันราคาไว้ประมาณ 30% อีกทั้งในไตรมาส 3/60 บริษัทฯ เตรียมปรับราคาขายแป้งสาลีเพิ่มขึ้นราว 10-20 บาทต่อกระสอบ เพื่อสะท้อนตันทุนข้าวสาลีที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ 30-40 เหรียญต่อตัน

 

อันดับ 5 บริษัท มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MOONG จัดจำหน่ายและเป็นตัวแทนจำหน่าย 1. สินค้าสำหรับแม่และเด็กภายใต้ตราสินค้าพีเจ้น (Pigeon) 2. เครื่องใช้ในครัวเรือนและของใช้ประจำวัน 3. ผลิตภัณฑ์พลาสติกและบรรจุภัณฑ์

ราคาหุ้นปรับตัวแรง 46.88% มาอยู่ที่ระดับ 7.05 บาท (30 มิ.ย.60) บวก 2.25 บาท จากระดับ 4.80 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวแรงช่วง 6  เดือนที่ผ่านมา คาดเป็นการเก็งกำไรทางเทคนิคหลังหุ้นเป็นขาลงมานาน ประกอบกับผลกำไรที่มีต่อเนื่องทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาอีกทาง

นอกจากนี้นักวิเคราะห์มองว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดีราคาถูกมากที่นักลงทุนไม่มองมานานแรมปี เนื่องจากธุรกิจของบริษัทมีผลิตภัณฑ์แม่และเด็กมากมาย ยี่ห้อเด่น เช่น Pigeon ที่ใครๆ จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารพบว่าปี 60 นี้แนวโน้มกำไรจะทุบสถิติ อีกทั้งตั้งเป้าขายสินค้าแบบ E-Commerce จึงน่าจะมีอะไรดีๆ อีกเพียบ  ยิ่งเป็นแรงหนุนให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรอย่างหนาแน่น

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button